แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - Mike

หน้า: [1] 2
1
ผมก็โดนมาเหมือนกันครับ ใช้รถไม่ถึง 4 เดือนกระจกร้าวเพราะโดนก้อนหิน ใช้ประกันที่ให้มา แต่สงสัยว่ากระจกที่ติดกับตัวรถมาตอนแรกไม่ติดฟิล์มเหรอครับ พอเปลี่ยนใหม่เค้าเลยไม่ติดฟิลม์ให้ เพราะของผมเคลมพร้อมกัน และติดฟิล์มตอนเปลี่ยนระจกเลยทีเดียว

Film มีครับ ก็อย่างที่บอกแระครับ ที่แคบ ไม่มีที่ให้จอดรถ เลยต้องทำทีและอย่าง  ;D
ปกติผมเคลมกระจก รถยี่ห้ออื่นๆก็ทีเดียว เสร็จสรรพ แต่ต้องจอดรถทิ้งไว้ 2-3 วัน ติดกระจกเสร็จ รอกระจกเซ็ทตัวอีกวัน ช่างฟิล์มมาทำ ลูกค้ารอรับรถทีเดียว
แต่นี่ Subaru วิภา นัดช่างกระจกมา เปลี่ยนเสร็จ ให้ผมกลับบ้านได้  :'(( ผ่านไปอีก 1 สัปดาห์ ถึงนัดช่างฟิล์มมาให้ผม
ถึงเวลานัด ช่างมาสายอีก ผมนี่เซ็ง ฟิล์มหน้าบานเดียว 13:00-17:00 นั่งรอรากงอก  :'(

แต่ก็ทำใจครับ รู้ตัวอยู่แล้ว ตั้งแต่ก่อนซื้อ ว่า After sale service subaru เป็นยังไง

2
ก่อนจะมาถึงจุดนี้ รถเพิ่งอายุ 4 เดือนเองครับ แตกซะแล้ว  ::)
ที่น่าเจ็บใจคือ แตกจากการโดนสะเก็ดหินตอนวิ่งบนถนนลาดพร้าว แหม่ถ้าเป็น ตจว จะเสียใจน้อยกว่านี้ 55
แต่คันอื่นๆผมทั้งรถเตี้ย รถสูง ก็แตกหมดครับ City 3 บาน Ranger 2 บาน แต่ทั้งคู่วิ่ง ตจว สายเอเชีย



รีวิวรถผม
http://www.subaruxvthailand.com/forum/index.php?topic=2228.0

เข้าเรื่องคันนี้ รอกระจก 2 เดือน ตั้งแต่ทำเรื่องกับศูนย์ ก่อนซื้อ Subaru มาขับผมก็ทำใจยอมรับอยู่แล้วนะ เรื่อง After sale service และอะไหล่รอนาน แต่ไม่แคร์ เพราะคิดว่าตัวเองใช้ Ford มา 2 คัน จะกลัวอะไร   ::) กลับแค่ Subaru 555 อีกอย่างรถสำรองก็มี
คันนี้เป็นประกันชั้น 1 ซ่อมห้าง ใช่ครับถึงแม้ Subaru จะไม่มีศูนย์ซ่อมสีและตัวถัง แม้กระทั่ง สนญ ใหญ่เสรีไท แต่เราก็ต้องทำประกันเบี้ยซ่อมห้าง เพื่อเบิกอะไหล่แท้ ซึ่งรอนานพอสมควร ผมใช้เวลาทั้งหมด 2 เดือน ตั้งแต่ศูนย์ทำเรื่องกับประกัน จนอะไหล่มา และติดตั้ง (ซึ่งจริงๆประกันไม่นานเลย แค่ไม่กี่ชั่วโมง กระจกไม่แพง ประกันไม่คุมราคา)
อะไหล่บางอย่างซึ่งเป็น อะไหล่สิ้นเปลือง ศูนย์ก็ไม่มีสต็อคเพียงพอ รถขายเดือนละ หลายร้อย ก็รอไปสิครับ  :-X

ขั้นตอนการเปลี่ยนกระจกหน้า เร็วเว่อร์ 17 นาทีเสร็จ งานนี้ทาง ศูนย์วิภาวดี ใช้ช่างจากร้านข้างนอก ซึ่งผมคุยกับเฮียแก เฮียบอกว่ารับงานของ Subaru หมดเลยไปทั่วทุกศูนย์ (เดาว่าแค่ในเครือ MIT) เฮียมาจากร้านสามารถออโต้กระจกแถวรามอินทรา เฉพาะ XV แกเปลี่ยนมาแล้ว 300+ คัน ถ้ารวม Subaru รุ่นอื่นๆอีกก็หลายร้อย อุปกรณ์ที่ใช้ จะมี 3 อย่าง

1.กระจกหน้าแท้เบิกศูนย์
2.คิ้วแท้เบิกศูนย์
3.กาวจากร้านเฮียเอง

ทีมเฮียมา 4 คนทำแป๊ปเดียวเสร็จ ส่วนชุดหมีสีน้ำเงินยืนดูเฉยๆเก็บประสบการณ์ ผมคิดว่าดีแล้วที่ใช้ช่างข้างนอกทำ เพราะงานแบบนี้ต้องอาศัยฝีมือและความชำนาญสูง ผมคิดว่างานติดตั้งแทบจะเหมือนโรงงาน จากที่เคยดู Mega factory รถแมสหลายๆรุ่นก็ใช้คนติดตั้งกระจก แต่อาจจะต่างตรงที่โรงงานประกอบรถยนต์ส่วนใหญ่ใช้กาวอุตสาหกรรมยี่ห้อ Henkel

มาถึงขั้นตอนการเปลี่ยนก็ไม่ยากครับ

1.แงะคิ้วกระจกเดิมออก การแงะและดึงจะทำให้คิ้วยืด ใช้ซ้ำไม่ได้ ไม่เหมือนคิ้วรถรุ่นเก่าเช่น Dragon eye เปลี่ยนแค่กระจก แต่คิ้วเดิม เฮียบอกว่า บางร้านก็ประหยัด คิ้วเดิมยืด ก็ตัดเอา ก็จะมีรอยต่อ เกิดเสียงลมเข้าอีก
2.ถอดแผงจิ้งหรีด, ก้านปัดน้ำฝน, สายฉีดน้ำ, กาบเสา A, กระจกมองหลัง
3.ติดคิ้วที่กระจกใหม่ ทากาวที่กระจก งานนี้ผมเห็นลูกน้องเฮียยืนดู เฮียลงมือทำเอง มือนิ่งมาก ใช้กาวไป 2 หลอดถึงจะรอบกระจก การทำก็คล้ายๆการแต่งหน้าเค้ก
4.ใช้ตัวดูด ยกกระจกไปติด
5.ประกอบทุกอย่างคืน เสร็จภายใน 17 นาที พร้อมการใส่พุกไม่ครบ 1 ตัวตรงแผงจิ้งหรีด  >:(

จากการที่สอบถามเฮียบอกว่า หลังจากติดกระจกใหม่ ต้องรอนิ่งๆประมาณ 3 ชั่วโมงให้กาวเซ็ทตัว พร้อมลุยฝน แต่ศูนย์วิภาวดี แคบต้องรีบเคลียร์รถ จนท บอกผมให้ขับหยอดๆกลับไป T_T เฮียบอกว่าก็เคยมี Forester ที่เปลี่ยนเสร็จขับออกไปแตกเลย ผมคิดว่าธรรมดาของรถตัวถัง Monocoque ที่มีการบิดตัวเล็กน้อย คิ้วคือส่วนที่ทำหน้าที่ Flexible ให้ gap ระหว่างกระจกและตัวถัง ถ้ากาวยังไม่เซ็ทตัวกระจกเคลื่อนตอนจังหวะตัวถังบิดก็โดนบีบแตก พยายามคิดในแง่ดีกว่าโรงงานประกอบรถ ติดกระจกเสร็จเค้าก็เอาไปขับผ่านน้ำเลย 555 แต่นั้นกาวคนละเกรด และรถไม่ได้สะเทือน แค่เคลื่อนนิ่งๆไปบนสายพาน งานนี้ใครไม่อยากเสี่ยงเวลาไปเปลี่ยนกระจกก็ไม่ต้องรอเอา เนียนกลับบ้าน แล้วค่อยมาเอาทีหลัง 555+

ส่วนค่าใช้จ่ายที่ผมแอบดูทางศูนย์ตั้งเบิกประกัน
1.ราคากระจกแท้บานหน้า 6,754 ext. Vat
2.คิ้วกระจก 1,628 ext. Vat
3.ค่าแรง ดูไม่ทัน

รวมๆ น่าจะหมื่นกว่าบาท งานนี่ถ้าไม่มีประกันชั้น 1 นี่กระเป๋าคงแฟบ ราคาช่างต่างจากกระจกหน้ารถญี่ปุ่นผลิตในประเทศ รายนั้น 2000+ เอง   :P
ผมถามเฮียเรื่อง กระจกหน้า Forester XT ประกอบญี่ปุ่น กับ Forester มาเลเซีย ราคาต่างกันเกือบ 2 เท่าแต่กระจกเหมือนกันเป๊ะ เฮียบอกมา ส่วนกระจกแพงสุดของ Subaru เฮียบอกเป็น Outback/Legacy แค่ราคากระจก ~38,000 ext. Vat ยังไม่รวมคิ้ว และค่าแรง  :o

ตอนนี้รถผมขับไปไหนร้อนมาก รอติดฟิล์ม 555 และเหม็นกาวกระจกมาก เด่วจะเหม็นอีกรอบตอนกาวฟิล์ม
ปล.Watermark ที่ติดกระจกดูเผินๆ ชวนให้คิดว่าเป็นกระจกก็อปเกรด A มากๆๆ เพราะมันไม่เนียนสวยเหมือนบานแรกที่ติดรถมา คิดในแง่ดีก็คงผลิตคนละล็อต เครื่องจักรคนละตัว 555

กระจกใหม่ แกะกล่อง อิมพอร์ต มาเล 2 เดือน นานไปนะ



เริ่มเลาะคิ้วเดิมออก และถอดแผงจิ้งหรีด ก้านปัดน้ำฝน สายฉีดน้ำ



ถอดแผงจิ้งหรีดแล้ว ตอนใส่กลับน็อตไม่ครบ T_T



กระจกใหม่แท้แกะกล่อง Import มาเลเซีย ใส่เรือ แล้วล่องอ้อมโลก วกกลับแหลมฉบัง  ::)
ถึงแม้จะเป็นอะไหล่ ตปท แต่ก็มี มอก ข้อบังคับ ของ TIS หรือ มอก บ้านเราครับ เพราะ กระจกรถยนต์ยนต์เป็นสินค้าควบคุม จากรูป

TIS 196-2536 กระจกนิรภัยสำหรับรถยนต์ : กระจกหลายชั้น
Automobile safety glasses: laminated glass
TIS 197-2536 กระจกนิรภัยสำหรับรถยนต์ : กระจกเทมเปอร์
Automobile safety glasses: tempered glass
TIS 198-2536 กระจกนิรภัยสำหรับรถยนต์ : กระจกโซนเทมเปอร์
Automobile safety glasses: zone tempered glass




เลาะคิ้ว กระจกเดิม



ติดคิ้วใหม่ บนกระจกใหม่ และเตรียมติดกาว งานนี้ชุดหมีสีน้ำเงิน ยืนดูเก็บประสบการณ์อย่างเดียว



โล่งเบย ลูกชายผม ช่างกำลังขูดกาวเดิมทิ้ง



หลังจากติดคิ้ว ติดกาว ก็ยกมาติด เสร็จภายใน 17 นาที แต่ต้องรอกาวเซ็ทตัว 3 ชั่วโมง



Watermark ของกระจกเดิมติดรถ สวยเนียน น่าเขื่อถือ



Watermark ของกระจกบานใหม่ Font ใหญ่กว่า หนากว่า และไม่เนียนเท่าไหร่ ชวนให้คิดว่าก็อปเกรด A 555



ใส่แผงจิ้งหรีดคืน แต่ลืมใส่พุก T_T



เวลาทั้งหมด ตั้งแต่เริ่มถอด และเสร็จ







3
เพิ่มนิดนึง  ล้อปี 16  โลโก้ เป็นดาวลูกไก่สีนํา้เงิน  รุ่นเก่า  เป็นสีดํา  ใช่ไหมครับ    :อายจัง:

อ้าวหรือครับ ผมก็ไม่เคย สังเกต ดุมล้อ ตัวก่อน MC เลย  :อายจัง:

ใช่ครับ ตัวก่อน MC ดุมเป็นสีดำล้วนครับ

เจ้าของกระทู้ตอนนี้ 0W20 เริ่มมีน้ำพร่องบ้างหรือยังครับ

เมื่อหยุดยาวที่ผ่านมา วิ่งรอบสูง รวดเดียว 2000 km ยังไม่พร่องครับ เกินมา 0.25 ลิตรเท่าเดิม

4
เพิ่มนิดนึง  ล้อปี 16  โลโก้ เป็นดาวลูกไก่สีนํา้เงิน  รุ่นเก่า  เป็นสีดํา  ใช่ไหมครับ    :อายจัง:

อ้าวหรือครับ ผมก็ไม่เคย สังเกต ดุมล้อ ตัวก่อน MC เลย  :อายจัง:

5
อัพเดตเช็คระยะ 1,000 km (05/07/16)
(ตอนแรกจะเขียนต่อจากในกระทู้ แต่ระบบเด้งเตือนห้ามเกิน 20,000 ตัวอักษร เลยต้องมาเขียนใน Comment)

ตารางเช็คระยะ ที่โรงงานกำหนดมา จะสังเกตได้ว่า แพงกว่ารถญี่ปุ่นเบนซิน 1.5, 2.0, 2.4, 2.5 ลิตร
สาเหตุไม่ใช่ว่า น้ำมันเครื่องเกรดดีกว่า หรือว่าอะไร น้ำมันเครื่องก็เกรดทั่วๆไป แต่ศูนย์ Subaru ขายของเหลว ราคาต่อลิตร แพง กว่ายี่ห้อทั่วๆไป
ฟรีค่าแรง แต่มาชาร์จ ตรงนี้เหอๆ



จากตารางด้านบนจะสังเกต ว่า มีเช็คระยะ ที่ 1,000 km ต่อด้วย 5,000 km และค่อยทุกๆ 10,000 km
ทำไมละ? ทำไมยี่ห้ออื่นๆ ไม่ว่าจะเบนซิน หรือ ดีเซล ขับ 2 ขับ 4 เค้าก็เช็คทุกๆ 10,000 km หรือ 15,000 km
แต่ทำไม Subaru แทรก 1,000 km และ 5,000 km เข้ามา (เช็คเป็นมอเตอร์ไซด์เลยนะครับ)
ก็มานั่งคิดหาเหตุผล ความเชื่อรุ่นลุง บอกว่า รถใหม่ๆ จะมีเศษโละตกค้าง จากช่วง Run-in แหม่นี่ปี 2016 นะครับลุง เทคโนโลยีด้านโลหะวิทยา เค้าไปไกล นอกอวกาศ กันละ ผมก็เคยเรียน วิศวกกรรม Materials มา
เอ๊ะ หรือว่า FHI เทคโนโลยีโลหะวิทยาต่ำ ก็คงไม่น่าใช่ เพราะเค้าก็มีรถเบนซินเทอร์โบรอบจัด

หรืออาจจะเป็นเพราะลดต้นทุนของเหลวจากโรงงาน
เพราะถ้าดูตามตารางด้านบน ที่ระยะ 1,000 km ต่อด้วย 5,000 km จะใช้น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ 10W-40 ซึ่งมีราคาถูก (แต่ศูนย์ SUbaru ก็ยังขายแพง)
พอระยะ 10,000 km ขึ้นไปก็เริ่มเหมือนชาวบ้านเค้า ใช้น้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้ 5W-30
แต่ในคู่มือระบุชัดเจนว่าให้ใช้ 0W-20 แต่ๆๆศูนย์ไม่มีขายจ้า ก็ไม่รู้ด้วยเหตุผลอะไร ถามๆไป พนง. ก็บอกว่า เพราะ Supplier Motul ส่งเบอร์นี้ให้ Subaru ไม่ได้  :-\

หลังๆมาลูกค้าบ่นเยอะ ก็เลยพอจะมี 0W-20 บ้าง แต่ส่วนใหญ่ถ้าถาม จะหมด

ข้างล่างผมเช็คระยะกับ Authorized Dealer ซึ่งไม่ใช่ Motor Image ดังนั้นบัตรเครดิตร่วม KTC Subaru หมดสิทธิ์ส่วนลด 10 % :'(
แต่แลกกับบริการดี คิวไม่นาน ไม่ต้องจองล่วงหน้า และมีน้ำมันตรงคู่มือ ให้เลือกครบทุกเบอร์ มากกว่า Motor Image

คุยกับช่าง ช่างบอกว่า
Motul 0W-20 สังเคราะห์แท้ ลิตรละ 561 บาทไม่รวม Vat และ XV ใช้ 5 ลิตร = 2,805 บาท
หรือ
Mobil 1 5W-30 สังเคราะห์แท้ จำไม่ได้ลิตรกี่บาท แต่ 5 ลิตร ประมาณ 3,7xx ไม่รวม vat

ถ้าใช้ 2 เบอร์ ด้านบน ไม่จำเป็นต้องเข้ามาอีกตอน 5,000 km ให้มา 10,000 km เลย ไม่ตัดประกัน
แต่ถ้าใช้ Motul 10W-40 กึ่งสังเคราะห์ ก็ต้องมาเข้า 5,000 km ด้วย

ผมก็ไม่ได้มีความรู้เรื่องน้ำมันเครื่องมากมายอะไร Pao, เบส Ester, พารามิเตอร์ นู้นนี่นั่น บลาๆๆๆ ไม่เข้าใจหรอกไม่ได้ศึกษา  :-X

คำนวณแบบงงๆ  ;D คิดว่า Motul 0W-20 สังเคราะห์แท้ คุ้มกว่า เลยจัดไป
ค่าใช้จ่ายทั้งหมด ดังรูปด้านล่าง

เปลี่ยนเสร็จ ฝนตก มืดๆ อากาศเย็น รถติด 2 ชม. อุณหภูมิน้ำมันเครื่องขึ้นสูงสุด 102 C
แต่น้ำมันเครื่องติดรถจากโรงงานขับกลางวันร้อนๆรถติดไม่เคยเกิน 98 C



อัพเดต 14/07/16 เพิ่งดึงก้านวัดขึ้นมาเช็ค ช่างเติมน้ำมันเครื่องเกินจ้า กะด้วยสายตาประมาณ 0.25 ลิตร
ตอนแรกก็ตะหงิดใจนะตอนเห็นใบเสร็จว่า 5 ลิตร ทั้งๆที่คู่มือระบุว่าให้ใส่ 4.8 ลิตร พร้อมเปลี่ยนกรอง
ก็ไม่รู้ว่าผลดี ผลเสีย ของการใส่เกินคือะไร

หลายคนอาจจะบอกว่า เครื่อง Boxer FB20 ตัวนี้กินน้ำมันเครื่อง ช่างเลยใส่เผื่อ
แต่แหม่ เหลือใส่ขวดกลับ ให้ผมเติมเองก็ได้นะ

6
หลังจากเก็บข้อมูลมานาน ทั้งลังเล ทั้งหาเหตุผลในการซื้อไม่ได้ สุดท้ายเหตุผลก็มา และพี่แสบส้ม ในภาพก็มาอยู่กับผมจนได้  ;D

ส่วนข้างล่างนี่กระทู้เก่า ที่เคยเข้ามาปรึกษา ครับ
http://www.subaruxvthailand.com/forum/index.php?topic=1405.msg11340#msg11340




ออกวันแรกที่ศูนย์พระราม 3 เมื่อวันพฤหัสบดี 26 พฤษภาคม 2559 ที่ผ่านมา
ได้มาปุ๊ป ก็จับเช็คลมยาง แน่นอนเป็นไปตามที่คาดคิด ลมยางจากศูนย์ 37 psi ทั้ง 4 ล้อเนื่องจากเป็นรถสต็อค

การขับขี่

ผมขอยกตัวอย่างการขับ XV ครั้งแรกโดยยกรถ test drive มาเปรียบเทียบ กับ คันส้มของผม

รถ Test drive XV sport 2015

ตอนทดลองขับครั้งแรก รถทดสอบ ของศูนย์พระราม 3 เป็นตัว XV sport 2015 วิ่งมาประมาณ 4000 km ปียางและลมยาง ผมไม่ได้ดู ความรู้สึกครั้งนั้น พวงมาลัยมีน้ำหนักมาก ใกล้เคียงปิคอัพ พวงมาลัยพาวเวอร์รุ่นเก่าๆ
สัมผัสจากการควบคุม หนักแน่น ย้ำนะครับว่า หนักแน่นมาก เหมือนขับรถคันใหญ่ หนักแน่นกว่า Ranger 4 door Hi-rider หน้ายาง 265 ลมยาง 35 psi อีก ไม่เหมือนขับ ซีดาน B & C segment ญี่ปุ่น และทั้งสี่ล้อ มีความรู้สึกว่ามันดูดถนนตลอดเวลา ขับวันแรกเกร็งหน่อยๆ ใช้ความเร็วไม่เต็มที่ เสียงยางบดถนนตรงรอยตรงได้ยินชัดเจน ตั้งแต่ความเร็ว 40-60 km/h หลังจากนั้นผมไปลองขับคันเดิม เป็นครั้งที่ 2 และ 3 สัมผัสความรู้สึกหนักแน่น ดูดถนน มันน้อยลงไป ผมก็แปลกใจ มานั่งคิดบางทีอาจจะเป็นเพราะผมคุ้นชินกับตัวรถ และใช้ความเร็วที่มากขึ้น 80-100 km/hr

รถผม XV MC 2.0i-P

ตอนขับจาก โชว์รูม อืมพวงมาลัย ไม่เห็นหนักเหมือนรถทดสอบเลย ก็เลยเลี้ยวไป บีควิก เช็คลมยาง ชัดเจน 37 psi หลังจากปรับลมยาง เป็นตามสเปค หน้า 220 Pascal หลัง 210 Pascal ความรู้สึกคือ ตำแหน่งขับขี่สูงจัง เหมือนพวก SUV เลย (คิดในใจ คงปกติเพราะมันคือ CUV) ที่ไหนได้ ขับไปสองวัน เอ้ย เราลืมปรับความสูงเบาะลง  :-X พอปรับแล้ว เออ มันเหมือน Sedan มากขึ้น ที่นั่งต่ำ เหมือนนั่งอยู่ในคอกพิท และความรู้สึกการขับขี่ การความคุม มันเหมือน ครั้งที่ 2 & 3 ตอน Test drive เลย มันก็หนักแน่นนะ ทั้งช่วงล่างและพวงมาลัย แต่มันน้อยกว่าครั้งแรก และผมสัมผัสไม่ได้ถึงความรู้สึกดูดถนน เหมือนครั้งแรก สงสัยคงชินแล้วมั้ง (จริงๆตัวรถคงเกาะกว่ารถทั่วไปมาก แต่เป็นแค่ปัญหาการรับรู้ของผม)

การเก็บเสียง

จากสัมผัสการรับรู้ด้านหูของผม ในช่วงความเร็วต่ำ 40-80 km/hr ผมพบว่ารถผม XV MC 2.0i-P เก็บเสียงดีกว่า รถ Test drive XV sport 2015 (ทั้งคู่คือยางตัวเดียวกัน  Continental Max Contact MC 5 Made in Malaysia) เสียงยางบดรอยต่อถนน แทบไม่ได้ยิน ต่างกับตัว test drive ที่ได้ยินชัดเจน ในเส้นทางเดียวกัน ถนนพระราม 3 ทั้งๆที่ ตัว MC ไม่ได้มีการปรุงปรุงรายละเอียดทางด้านวิศวกรรมใดๆ อาจจะเป็นเพราะยางรถผมที่ค่อนข้างใหม่ แต่รถ Test drive ก็เพิ่งวิ่งไปแค่ 4000 km
แต่ที่ความเร็วสูง ขับไปพัทยา เส้นมอเตอร์เวย์ สาย 7 เสียงลมรถผมชัดเจน ที่ความเร็วตั้งแต่ 100-110 km/h ขึ้นไป คิดว่าน่าจะมาจากลมปะทะ กระจกหูช้าง (รถผมเดิมๆทุกอย่าง ไม่มีกันสาด)

พวงมาลัย

น้ำหนักมากกว่า ซีดาน B & C segment ญี่ปุ่น มากกว่า Isuzu Dragon Eye ปี 94 ที่เป็นพวงมาลัยพาวเวอร์ และยังมากกว่า Ranger T6 2012 ที่หน้ายาง 265 แต่ไม่ใช่ปัญหาสำหรับผู้ชาย รถคันอื่นๆของผม ผมสามารถถอยจอดเข้าซอง ด้วยมือขวามือเดียวได้ แต่ XV ทำไม่ได้ 555 และที่ความเร็วปานกลาง ถึงสูง ถ้าถนนไม่เรียบ รู้สึกว่าพวงมาลัย มันจะแกว่งๆ สั่นๆ ซ้ายๆขวาๆ ถี่ๆ แต่รถไม่ได้มีอาการเป๋ไปมานะ ไม่รู้ว่านี้คืออาการปกติ หรืออาการเฉพาะคัน แต่ทางตรงถนนเรียบ ไม่เป็นไรครับ และหลังจากอ่านคู่มือการใช้งานจบ (เล่มหนามาก) พบว่า ถ้าเราหมุนพวงมาลัย เยอะๆ บ่อยๆ ติดๆกัน เช่นตอนถอยรถของช่องจอด หรือการเลี้ยวขึ้นลงลานจอด จะทำให้ปั้มพาวเวอร์พวงมาลัย ทำงานหนัก มันจะพาตัวเองเข้าสู่ safe mode ทำงานน้อยลง เลยมีผลให้น้ำหนักพวงมาลัยเพิ่มขึ้น มิน่าละ คอนโดผม ลานจอดรถ 14 ชั้น ต้องเลี้ยว ซ้ายๆขวาๆ ประมาณ 40 ครั้ง มันถึงหนักตอนถอยจอด

ช่วงล่าง

ขอเปรียบเทียบกับรถที่ใช้งานอยู่ประจำ รถช่วงล่างตึง+ตัง ทั้งความเร็วต่ำและสูง ทุกผิวถนน Honda City 2012 ยาง 185 55 R16 Goodyear Excellence เทียบกับ XV คันนี้ยาง 225 55 R17 บนถนนเส้นเดียวกัน XV จะตึง แต่ไม่ตัง ครับ
งงไหมครับ คือมันมีความรู้สึก แน่น ความรู้สึกตึง เวลาวิ่งผ่านรอยต่อหรือหลุมเล็กๆตื้นๆ เทียบกับ Ranger T6 ยกสูง ยาง 265 60 R17 Dunlop Grandtrek รายนั้นจะกระด้างและตึง แต่เกาะและเอาอยู่ ที่ลมยาง 35-38 psi เทียบกับ XV ตัว XV จะให้ความรู้สึกเหมือน Ranger ที่ลมยาง 32 Psi ตอนวิ่งความเร็วต่ำบนถนนเรียบ ส่วน Fiesta 195 45 R16 Continental ให้ความนุ่ม(นิดหน่อย)+หนึบ+ตึง ทั้งๆที่ช่วงล่างหลังเป็น Torsion beam แต่ให้ฟีลลิ่งที่มั่นใจกว่า B segment ทุกคัน จะบอกว่าใกล้เคียง XV ก็คงไม่ใช่ ยังห่างชั้นอยู่มาก เพราะ Fiesta ให้ความรู้สึก หนึบ+เกาะ แต่เบา ทั้งท้าย ทั้งหน้า แต่ XV เหนือชั้นกว่าที่มีความ ดูด จิกถนน และฟีลลิ่งน้ำหนักเหมือนรถใหญ่ หนัก+แน่นทั้งหน้า ทั้งท้าย รูดหลุม รูดหลังเต่าไปได้เลย เหมือนขับ Ranger ไม่ต้องแคร์ว่า Skirt หน้าจะครูดเหมือน City

วิ่งบนบรูพาวิถี ที่ความเร็ว 80-120 km/hr ตัว XV จะให้ความรู้สึกเสถียรสูง มากๆๆ ไม่รู้สึกถึง effect จากลมตีด้านข้าง แต่ City จะรู้สึกเล็กๆ เมื่อลมตี ที่ความเร็วใกล้เคียงกัน ต้องใช้สมาธิและเกร็งมากขึ้น แต่ขับ 60-90 Km/hr ตัว City ก็ relax ได้บนบูรพาวิถี แต่เสียงกระหึ่มของลมที่วิ่งผ่านตัวรถ ผ่านกระจกหูช้าง ก็ดังมาก ทั้งคู่ แต่ XV แอบเงียบกว่าเล็กๆ เทียบกับ Ranger ยกสูง บนบูรพาวิถี ที่ความเร็ว 80-120 km/hr ก็ยังขับได้นิ่งๆ ลมตีด้านข้าง ต้องแรงมากๆ ถึงจะรู้สึกวูบวาบ การเก็บเสียงดีมากๆๆๆ ขับแล้ว relax แต่ถ้าเร็วกว่านี้ถึง 160 km/hr เป็นต้นไป พวงมาลัยจะแกว่ง สั่นๆถี่ๆ ซ้ายๆขวาๆ สรุปบน บูรพาวิถี ที่ความเร็วเดินทาง XV ขับขี่ได้ผ่อนคลาย ที่สุด ส่วนที่ความเร็วสูง 140-180 km/hr ของ XV ยังไม่เคยลอง

วิ่งบนมอเตอร์เวย์ ที่จังหวะวิ่งผ่านรอยต่อ คอสะพาน XV เร็วๆ จะไม่มีอาการเหิน หรือเด้งเลย ท้ายรถถูกดึงให้แนบชิดติดถนน เทียบกับ Ranger ตอนมีน้ำหนักบรรทุก วิ่งผ่าน รอยต่อคอสะพาน ก็มีความรู้สึกถูกกด ถูกดึงให้แนบถนนเช่นกัน ส่วนทางตรง XV ที่ความเร็ว 80-120 km/hr ก็มั่นใจกว่า Ranger นะ แต่ไม่ได้แตกต่างแบบหน้ามือหลังมือ แต่เหมือนที่เคยบอกในตอนต้น หรือในกระทู้อื่น ผมอาจจะยังไม่เข้าถึงความรู้สึก AWD เลยไม่ได้รู้สึก ว้าว หรือ ฟินมากมายอะไร ไว้รอขับไปเยอะๆ เจอสภาพถนนหลากหลาย แล้วจะมาอัพเดตให้ฟังครับ

**ตึง = ในคำนิยามความรู้สึกของผมคือ ยางลงหลุมหรือรอยต่อและมีการดูดซับแรง รู้สึกหนักแน่น ไม่สะท้านกลับมาให้รู้สึก คล้ายๆปา ลูกบอลลมอ่อน ลงพื้น
**ตัง = ในคำนิยามความรู้สึกของผมคือ ยางลงหลุมหรือรอยต่อ แล้วมีการสะท้าน หรือเด้งกลับมา ให้รู้สึกชัดเจน ทั้งแรงสะเทือนและเสียง คล้ายๆโช๊คตาย หรือคล้ายๆปาลูกบอ ที่สูบลมแข็งๆลงพื้น ซึ่งคุณจะพบอาการแบบนี้ได้ใน City 2012,Jazz GE, Freed, Civic FD

อัตราเร่ง

XV กับเครื่อง Boxer 2.0L FB20 หายใจเอง กำลังสูงสุด 150 แรงม้า บนกระดาษ แต่ม้าลงพื้นเท่าไหร่ละ?
คันนี้จากโชว์รูม ใส่ E20 มาให้ 500 บาท ผมขับจนหมดแล้วก็เติม Shell E20 เต็มถัง เหมือนที่ทุกคนทราบกัน มันไม่ได้จี๊ดจ๊าด ไม่หวือหวา ไปได้เรื่อยๆ กำลังเพียงต่อการใช้งานทั่วไป ออกตัวไฟแดงไม่ค่อยจะทัน B segment ญี่ปุ่น ถ้าเห็น HRV ในกระจกหลังก็หลบซ้าย แล้วปล่อยเค้าไปเหอะ XV แพ้ ทุกทาง ตั้งแต่ 0-100  km/hr, 80-120  km/hr และอัตราสิ้นเปลือง แต่เราไปเอาคืนในโค้งได้ ฮาๆๆ  ;) ดังนั้นถ้าใครคิดจะเอาไปแต่งแรง ต้องดูเกียร์ดีๆ เพราะ CVT ตัวนี้รับแรงบิดได้ไม่เยอะ
ส่วนใน โหมด D ก็เล่นเกียร์เองได้จาก Paddle shift พอถึงความเร็วรอบที่วิศวกร เซตไว้ เกียร์จะขึ้นให้เองครับ ซึ่งโหมด M ก็เช่นกัน
และถ้าใครอยากได้ความรู้สึกว่ามีเรี่ยวแรง แรงบิดพอประมาณมีให้ใช้ที่รอบเครื่อง 2300-4200 rpm ครับ ใครไม่กลัวซดน้ำมันก็เลี้ยงรอบ กันไว้ครับ  ::)

**คู่มือระบุให้ใช้ น้ำมันที่มีค่าออกเทน 95 ขึ้นไป แต่ น้ำมันที่มีค่าออกเทน 90 ขึ้นไป ก็ทดแทนได้ในกรณีจำเป็น

Engine break


ตอนขาลงทางชัน เขาสามมุข ลองใช้ Mode M และลดเป็น เกียร์ 1 สัมผัสได้ว่า มันไม่ค่อยฝืนแหะ ออกแนวลื่น ความเร็วยังมากไป ไม่ทราบว่านี้เป็นปกติของ CVT หรือเปล่า ที่ Engine break มันจะเบาขนาดนี้

เกียร์ CVT
อมรอบตอน ~2,100-2,200 rpm และเย่อตอนไต่ความเร็วจากช้า 20 km/hr - 60 km/hr หรือตอนประมาณค่อยกดคันเร่ง 20%-40%

เครื่องยนต์

ผมเคยตั้งกระทู้สงสัยเรื่อง FB20 ตัวนี้ว่าทำไม ไม่ได้ dual AVCS ทั้งที่ XV MC ใน ภูมิภาคอื่นๆได้อัพเกรดเครื่องยนต์เป็น dual AVCS
และ Forester MC 2.0i & 2.0i-P ที่ประกอบโรงงานมาเลเซีย ก็ได้  dual AVCS
ลองไปอ่านรายละเอียดดูได้ครับ มีคำตอบอยู่ในความคิดเห็นของคุณ H3T เขียนไว้ ซึ่งน่าจะใกล้เคียงข้อเท็จจริงมากที่สุด

http://community.headlightmag.com/index.php?topic=50918.msg875344#msg875344

เบาะนั่ง

ปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง จะปรับให้นั่งสูง เหมือน SUV ก็ได้ จะปรับให้นั่งต่ำสุดเหมือน คอกพิท Sport sedan ก็ได้ ตัวเบาะหุ้มหนังเดินด้ายส้ม ไม่รู้ว่าสังเคราะห์ หรือแท้ แต่ผิวสัมผัสไม่ได้ดีมากมายอะไร ออกแนวหยาบ แข็งนิดๆ เบาะหลังแบนๆ ดูไม่ค่อยเข้ากับสรีระ แต่ผมลองนั่งแปปเดียวตอนรถจอด ก็นั่งได้กำลังดี รู้สึกผ่อนคลายกว่าของ CX-5
เทียบ XV MC 2.0i-P กับ Forester MC 2.0i ที่ราคาต่างกัน 100,000 บาท นั้นเบาะของ Forester ผิวสัมผัสเนียน หนังเจาะรู ความนุ่มสบายพอดีมาก เบาะโอบกระชับกำบังดี แถวหน้า และ หลัง โปร่งโล่ง ผ่อนคลายกว่า XV มาก
เบาะ XV MC ขับทางไกล เมื่อยก้นครับ เพราะหนังมันแข็งเกินไป ขับสายเอเชีย กรุงเทพ - ลำปาง เทียบกับ City 2012 SV MC เบาะผ้า จะเมื่อยก้นที่ระยะ 300-350 km หรือ 3-4 ชม. ขึ้นไป ประมาณ นครสวรรค์ กำแพงเพชร แต่ XV MC ออกจากลาดพร้าว รถติด วิภาวดี รถติด 2 ชม. เมื่อยแล้วจ้า (ไม่ได้เวอร์ ) ถึงแม้ เบาะ XV จะปรับเงย งุ้ม ได้ ปรับสูงตาม เอน ได้ละเอียดกว่า City 2012 SV MC

เครื่องเสียง OEM Kenwood DNX5350BT

ใช้ยากมากกกกกก ไม่ User friendly แถม Bug กระจาย ในเวป Kenwood Firmware ล่าสุดคือ V1.6 แต่ของผมเป็น V.300 คาดว่าเป็น Rom built เองเพราะเวลา กดปุ่ม Push start จะมีหน้าจอ Welcome screen ขึ้นว่า Unpark your life คุณภาพเสียงนั้น ห่วยมาก อาจจะเป็นเพราะลำโพงยังไม่ได้นวด เช็ค EQ แล้ว Default เป็น Natural พยายามปรับ Effect ทุกอย่างแล้ว ก็ยังห่วยทุกแนวเพลง ไว่ว่าจะต่อ iphone5s ผ่าน USB lighting หรือ Bluetooth A2DP ก็ให้คุณภาพเสียงห่วยเหมือนกัน ส่วน Bug ของเครื่องเสียงตัวนี้คือ ใช้งานโหมด Tel & iPod/iphone5S ผ่าน Bluetooth เวลาฟังเพลงอยู่แล้วมีคนโทรเข้า หรือผมโทรออก เครื่อง DNX5350 มันจะรวน สลับน่าจอไปมา กดรับสายไม่ได้ ฟังเพลงไม่ได้ ทำอะไรไม่ได้ ต้องปิดเครื่องอย่างเดียว ดังคลิปด้านล่าง ใครรู้ว่าแก้ไง ช่วยบอกผมหน่อย เพราะ FW ล่าสุดในเวป Kenwood เก่ากว่าที่ติดรถมา



แอร์
ถ้าตั้งไว้ที่ 25 c จะเย็นน้อยกว่ายี่ห้ออื่นๆ อยากเย็นฉ่ำต้องลงมาอีก ทั้งๆที่ลดผมติดฟิล์มที่มีประสิทธิภาพ ในการกันความร้อนสูงมาก
ถ้าตั้งเป็น Full auto จะน่ารำคาญมาก เพราะมันจะคอยเปิดระบบอากาศหมุนเวียน ดึงอากาศข้างนอกเข้ามาตลอด แล้วอากาศ กรุงเทพ ก็สะอาดสดใส ชื่อใจเหลือเกิน  :-X
ดังนั้นต้องคอยมานั่ง ยกเลิก Full auto ตลอด
ส่วนคอมแอร์ มีเสียงการทำงานที่ดังมาก ตอนเปิดครั้งแรก ดังกว่าชาวบ้านเค้า จนผ่านไป 20-30 วินาที ก็จะเสียงเบาลง คิดว่าเป็นเสียงจากหน้าสัมผัสคลัชคอมแอร์ ไม่รู้ว่าจะผิดปกติไหม ยังไม่มีเวลาไปถามในคลับ

คลิปการทำงานของคอมแอร์

วินาที 0-8 สตาร์ทรถ แต่ยังไม่เปิดแอร์
วินาที 9-18  เปิดแอร์ หน้าคลัชคอมแร์ สัมผัส และเริ่มดัง
วินาที 19 เป็นต้นไป เสียงเริ่มเบาลง



อัตราสิ้นเปลือง (อัพเดต 15 July 16)

ทดลองขับประหยัด หาอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงแบบใช้งานจริง ดีสุดที่ผมทำได้ 6.0 L/100km 16.67 km/L

เงื่อนไข
1.เติมน้ำมัน Shell E20
2.ขับคนเดียว
3.กระเป๋าเดินทาง 1 ใบ
4.รถเพิ่งเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง Motul 0W-20
5.ใช้ Cruise control ความเร็ว 70, 80, 90 km/hr
6.เปิดแอร์ 25 C
7.เส้นทางเถิน-เมืองลำปาง ขาขึ้นตอนดึก ระยะทาง 85 km ขึ้นเขาทางชัน ~10%
8.กราฟแท่งสีส้มเหลือง 4 แท่งคือ 4 แยกไฟแดงตัวเมืองเมืองลำปาง






ทำการบ้านในคลับมาเยอะ ทุกตำหนิ ทุกข้อด้อย ตรวจแบบละเอียด แต่ก็ยังพลาด เช่น
1.สีมือจับประตูหลังซ้าย กระเทาะ
2.พลาสติกฐานเกียร์ที่เป็น Piano black ขนแมวทั้งชิ้น เดาว่าเด็กคงหวังดี เอาน้ำยาขัดหยาบ หรือ ขัดละเอียดไปขัดให้  :'( ตอนแรกผมก็เช็คดีแล้ว แต่เนื่องจากดูในที่ร่ม มองไม่เห็นครับ
3.DRL หยาบมากกกกก หยาบชนิดที่ว่างานคลองถม ยังสวยกว่า หรืองานประดิษฐ์เด็กอนุบาลยังเนี้ยบกว่า ผมเดินสำรวจดูรถในสต็อค ก็หยาบเช่นกัน 555 :-[ และมีปัญหาน้ำเข้าด้วย
4.ลำโพงที่ คอนโซลซ้าย ติดตั้งขอบเผย่อต่ำกว่า คอนโซลกลาง แต่ลำโพงที่คอนโซลขวา  ติดตั้งขอบเผย่อสูงกว่า คอนโซลกลาง  >:(
5.ระดับประตูหน้า-หลัง ฝั่งคนขับไม่เท่ากัน เมื่อเทียบกจากเส้นโครเมียม แต่ฝั่งซ้ายปกติ หลายคนอาาจะเรียกว่าประตูตก แต่ผมโลกสวย  ;D คิดว่าคงเป็นแค่การติดตั้งเส้นโครเมียมไม่ได้ระดับเท่านั้น 5555 ซึ่งรถแพงๆกว่า XV หลายรุ่นก็เป็น ไม่เว้นแม้กระทั่งรถพรีเมี่ยมเยอรมัน ประกอบในประเทศ
6.หมอนพิงหัว ดังก็อกแก็ก ยิ่งถนนขรุขระ จะน่ารำคาญมาก หัวเราจะกระทบถี่ๆ เกิดเสียงก็อกๆแก็กๆ ตามจังหวะไม่เรียบของถนน สาเหตุคงเป็นเพราะหมอนพิงหัวตัวนี้ออกแบบมาให้ปรับงองุ้มได้หลายระดับ ผมไปขยับหลายๆคันในโชวร์รูม ก็หลวมคลอนดังทุกคัน มากน้อยต่างๆกัน
7.Compressor air แคร็กๆๆๆ ดังตอนเริ่มต้นทำงานหน้าคลัชสัมผัส คิดว่าคงปกติ ของรถรุ่นนี้มั้ง ยังไม่ได้ไปถามคันอื่นๆในคลับ
8.เกียร์เย่อ คงต้องทำใจว่ามันเป็นเรื่องปกติ เพราะ Forester MC 2.0i & 2.0i-P ก็เป็น จะเป็นบางครั้งที่เกียร์ D ตอนไต่ความเร็ว 20-60 km/hr หรือกดคันเร่งประมาณ 15-30%
9.เสียงวิ้ง (คล้ายๆในหนังเวลาระเบิดลง แล้วตัวละครจะหูวิ้งๆ) จะเป็นเฉพาะตอนสตาร์ทเครื่องยนต์ ไม่ว่าจะอยู่กับที่หรือเคลื่อนรถ ไม่ใช่เสียงจากลำโพงแน่นอน ผมลองปิดเครื่องเสียงแเล้วเอาหูไปแนบทุกลำโพง

VDO รอบๆตัวรถครับ





จุดแตกต่างที่ตัว MC ได้มีการปรุบปรุงขึ้นมา ในตัว 2.0i-P

พวงมาลัย Design ใหม่ ผมชอบมาก



ตัวกุญแจ Keyless ให้มา 2 อัน หน้าตาดูดีใช้ได้



เบาะหนัง เดินตะเข็บสีส้ม






ส่วนอันนี้ตอนแรกผมเข้าใจว่าเป็นที่แขวนของ ก็เลยแขวนถุงกับข้าวไปแล้ว  ;D
แต่จริงๆเมื่อมาอ่านคู่มือ มันคือตัวคล้องเข็มขัดนิรภัย สำหรับผู้โดยสารคนกลางเบาะหลัง



ไฟ Tally ในกระจกหูช้าง (ถ้าจะมีขนาดนี้ ให้ Blind spot monitoring มาเหอะ)



Roof trail เปลี่ยนจากสีดำ เป็นสีเมทัลลิค แต่ผมชอบสีดำมากกว่า



ไฟท้ายขาว มุมขาวในตลาดอาเซียน แต่ตัวไฮบริดจะเป็นมุมฟ้า และตัว US จะเป็นมุมแดง



กระจังหน้า เปลี่ยนรายละเอียดเป็น Piano Black นิดหน่อย เพื่อที่จะให้เด็กล้าง ทำเป็นรอยง่ายขึ้น



DRL อันแสน หยาบกร้าน มีรอยประกอบซิลิโคน ไหลเป็นน้ำตาลเทียน ชิ้นงานเหมือนตัดด้วย มีดคัตเตอร์เด็กประถม
ใช้ๆไป ฝนตก ล้างรถ น้ำเข้าหลอด LED ได้นะจ้ะ ในคลับมีคนโดนแล้ว พอไปเคลมได้ใหม่ น้ำก็ยังเข้าเหมือนเดิม
ส่วนรถผมยังไม่เปียก รอดูกัน 555



ล้อ 17x7 ลายดอกซากุระ ที่เฉียงขึ้น



มือจับ SmartEntry แบบไร้ปุ่มกด ใช้สัมผัสแทน จะมีรอยหยัก2 ขีด ที่ด้านบน สีเมทัลลิค แต่ผมชอบให้เป็นสีเดียวกับตัวรถมากกว่า
การใช้งานก็สะดวกดี แค่ลูบไล้เบาๆ ไม่ต้องกด เหมือนยี่ห้ออื่น แต่ในคู่มือระบุว่า น้ำหรือเม็ดฝน อาจจะทำให้ประตูปลดล็อคได้ เมื่อเราพกกุญแจ แล้วเดินเข้าไปใกล้ระยะที่คลื่นวิทยุ 134.2 kHz ส่งถึงกัน



เบาะปรับไฟฟ้าคนขับ 8 ทิศทาง ไม่มีปรับ Lumbar จะเอานั่งเตี้ยเป็น sport sedan ในคอกพิท หรือ ยกสูงเป็น SUV ก็ทำได้



หัวเกียร์หุ้มหนังเดินตะเข็บส้ม+ฐานเกียร์ Piano black
การจอด เกียร์ N พิลึกพิลั่นซับซ้อน



Switch air auto ไม่แยกโซน แบบใหม่ ตัวเลขจะแสดงที่จอบนตอนโซลกลาง
เอ๊ะอะ เอาอากาศภายนอกเข้ามาตลอด



จอ MFD
จะจอดรถด้วยเกียร์  N แบบวิธีประหลาดต้องมา manual ปิดมันก่อน



ธีมตกแต่งภายใน เปลี่ยนจาก สีเมทัลลิค เป็น Piano black



เครื่องเสียง OEM Kenwood



แป้นเหยียบแบบสปอร์ต



Push start button หน้าตาปกติ ซึ่งไม่เหมือนในโบรชัวร์ ไม่เหมือนรถโชว์ใน Motor expo ไม่เหมือนรถให้ Press ทดสอบ ที่เป็นสัญลักษณ์ Unpark your life
(ในคลิป Check check พี่แพนบอก สัญลักษณ์ Unpark your life มันเป็นสติ๊กเกอร์)



รูปจากทีมงาน headlightmag จากรถโชว์ในงาน Motor expo 2015



ส่วน 3 ปุ่มนี้ใน XV ผมขอเรียก ปุ่มขี่ช้างจับตั๊กแตน
เนื่องจากทำมา ซะดูดีมี ตั้ง 3 ปุ่ม แต่หน้าที่มันใน XV มันน้อยมากๆ แลดูลงทุนเกินไป เพราะใช้เปลี่ยนหน้าจอบน ในส่วนจอ MID กลาง Dashboard
ึ่ซึ่งเปลี่ยนทั้งหมดได้มากมาย ถึง 3 หน้าจอ ดังรูปด้านล้าง ซึ่งจริงๆถ้ามันเป็น Outback or Forester 2.0i-P ขึ้นไป จอนี้มันจะแสดงผลมากขึ้น เช่น SI drive ซึ่งคุ้มค่าที่กับการลงทุนทำปุ่ม ที่พวงมาลัย

1.ความเร็วแบบดิจิตอล
2.ระยะเวลาการขับรถ ตั้งแต่สตาร์ทรถ
3.หน้าจอว่าง


ที่วางแขนคอนโซลกลางตรงกล่องเก็บของ ในตัว MC เลื่อนออกมาไม่ได้ แต่ในตัว pre MC เลื่อนได้ เอาออกทำไมครับ :(



ช่องไฟ DC 12 V มีมาให้ 2 จุดคือ ใต้คอนโซลหน้า และกล่องเก็บของ
ผมชอบมากในส่วนของกล่องเก็บของ มีการใส่รายละเอียดเล็กน้อย ตรงวงสีแดงคือทำช่องให้สายไฟลอดออกมาได้ เมื่อปิดฝากล่อง
ไม่จำเป็นต้องเปิดฝากล่องค้างไว้ หรือปิดฝาหนีบสาย



ความหยาบของการประกอบโดยโรงงานมาเลเซีย มีให้เห็นอยู่ประปราย หลับๆตา ทำเป็นไม่เห็นบ้าง แต่มันก็สะกิดตาบ้างเช่น

ฝาครอบลำโพง tweeter ซ้าย - ขวา ไม่เท่ากัน ข้างหนึ่งยก ข้างหนึ่งยุบ



คอนโซลตรงกรอบแอร์ ฝั่งคนขับ ตรงนิ้วโป้งนั้นเรียบเนียน เสมอช่องแอร์ แต่ตรงนิ้วชี้ ดันยกสูง มีระดับสูงกว่าช่องแอร์
ตอนแรกคิดว่า มันคงเป็นดีไซน์ แต่ไปดูฝั่งซ้าย มันดันเรียบเสมอกัน  :-[ และเดินสำรวจรถในสต็อคของโชว์รูม บางคันเรียบเนียนทั้งสองข้าง บางคันเหมือนผม บางคันยกระดับทั้งสองข้าง  :-\



MC มีเส้นโครเมียม ให้น่ะจ๊ะ ที่แนวกรอบหน้าต่างด้านล่าง มันดูดีมากในรถสีดำ และสีขาว แต่พอมาสีส้มแล้ว ไม่สังเกต แทบจะไม่เห็น 5555
อีกอย่างมันเป็นตัวชี้วัดว่า ประตูซ้ายขวา ได้ระดับเท่ากันไหม ซึ่งฝั่งขวารถผม ไม่เท่ากันดังรูป แต่ฝั่งซ้ายเท่ากันเป๊ะ
ไม่ต้องซีเรียส รถแพงกว่านี้ Accord G9 ก็ไม่เท่ากัน หรือ Benz บางรุ่น ก็ยังไม่เท่ากัน



แผงบังแดด ทั้งสองข้างในตัว MC เปลี่ยนวัสดุหุ้มเป็นผ้า เพื่อการเปื้อนง่ายขึ้น  ;D



ส่วนอันนี้ Layout เครื่องยนต์ รกตาใช้ได้ แต่อย่าไปแคร์ มันอยู่ใต้ฝากระโปรง  ::)


7
หลังจากเก็บข้อมูลมานาน ทั้งลังเล ทั้งหาเหตุผลในการซื้อไม่ได้ สุดท้ายเหตุผลก็มา และพี่แสบส้ม ในภาพก็มาอยู่กับผมจนได้  ;D



8
ตัว 2.0i ไม่ Demo ป้ายแดง ก็ราคา 898,000 แล้วครับ เพราะมีส่วนลด 100,000
 :runrun:

ส่วนผมเพิ่งซื้อ MC 2.0i-P ส่วนลดแค่/ของแถมแค่ 10,000 ผ่านไปได้ 6 วันกลายเป็น 100,000
ใครจะไปคิดว่าขนาดซื้อตอนลด 200,000 ยังโดนทำร้ายได้  :'(

9
Confirmed ครับ ราคาออกมาตั้งแต่ วันที่ 5 พ.ค. แล้วครับ



48 งวด ดอกเบี้ย 2.19%
แถมแค่ ฟิล์ม ผ้ายาง กรอปป้าย

10
สมาชิกใหม่ เจอครั้งแรกถุกใจ สวย เสปคได้เลย AWD
ถาม
1.รุ่น XV sport มีสีกากีมีหรือไม่
2.รุ่น 2.0i-P minor change (มีสีกากี)1,198,000 B
แต่ลังเลถ้าเพี่ม 4-5 แสนได้ 4X4 รุ่นใหญ่ ปาเจโร่ เอเวอรเรด ฟอร์จูนเนอร์
คุ้มค่าเหมาะสมราคาไหมครับ
ขอข้อมูลความคิดเห็น ประกอบการตัดสินใจ
ขอบคุณครับ

PPV AWD ที่เหมือน XV มีแค่ Everest 3.2

11
ตัวเทียบ XV จะเป็นพวกเก๋งกับ Hatchback C Secment ครับ

ง่ายๆเลยมันคือรถระดับเดียวกับ Ford Focus 5ประตู, Mazda 3 5ประตู แต่ต่างกันตรงที่จับมายกสูง ใส่เกียร์ CVT วางตามยาว และมีระบบส่งกำลังลง 4 ล้อตลอดเวลา (เป็นรถเจ้าแรกและอาจจะเจ้าเดียวในโลกที่วางเกียร์ CVT ตามยาวและใช้กับระบบขับสี่)
ยังไม่รวมถึงโครงสร้างรถที่แข็งกว่ารถญี่ปุ่นทั่วไปที่ขายในบ้านเราพอสมควร (ทดสอบการชนของ EuroNcap ได้ 5 ดาว คะแนนใกล้เคียงรถ Volvo)

กับรถเก๋ง 5 ประตูได้ขับสี่ ยกสูง ระบบความปลอดภัยที่ดี ลุยเบาๆได้  กับราคาที่แพงกว่ารถเก๋งระดับเดียวกันประมาณ 1-2 แสน  ผมมองว่า Make sence นะ
กับเพิ่มอีก 2-3 แสน ไปเอารถขับ 4 ที่คันใหญ่กว่า กินน้ำมันกว่า แต่ก็นั่งได้หลายคนกว่า ขนของได้เยอะกว่า ช่วงล่างแข็งกว่าลุยได้มากกว่าหน่อย(แต่วิ่งทางเรียบอาจจะไม่นิ่งเท่า)

อันนี้ต้องลองชั่งใจดูครับ (ผมแอบเชียร์ให้เอา XV นะ  :)) แต่จะไปเอาพวก PPV ก็ได้ มันก็มีดีของมันอยู่)

XV ที่ได้ 5 ดาว จากEuronCAP คือตัวสเปคยุโรป ครับ

ต้องดู AseanNCAP ซึ่งก็ได้ 5 ดาว เหมือนกัน แต่คะแนนข้อย่อยที่ได้ ต่างกับลิบลับ กับของ EuroNCAP

สเปคเอเชีย มี 2ตัว
ผลิตญี่ปุ่น ขาย บรูไน สิงคโปรค์ ฟิลิปปินส์
ผลิตมาล ขาย มาเล ไทย อินโด
**ของไทย ไม่มี คานกันกระแทกหลัง

12
ขออนุญาต​ตอบจากที่ใช้มาเกือบปี​ ตามจุดประสงค์​รถคันใหม่ของท่าน

1.ใช้ยาว
ผมเองตอนที่ซื้อก็ตั้งใจจะใช้ยาว​ ถ้าเป็นไปได้ก็อยากใช้สัก​ 10 ปี​ เพราะเชื่อในคุณภาพของรถซูที่ได้เคยประสบ​และศีกษามาบ้าง​ อาจจะมีบำรุงรักษา​ที่ค่อนข้างแพงกว่าจ้าวตลาดอย่างที่หลายท่านว่า​ ถ้ารับได้ก็ไม่น่ามีปัญหาในข้อนี้​ อีกอย่างครับจากประสบการณ์​ที่ผ่านมา​ ถ้าดูแลรถตามตารางที่เค้ากำหนดมาใช้ยาวเกิน​ 10 ปีแน่นอน​ เพราะ​ Jazz​ Idsi ปี​ 2004 ที่ผมใช้มากว่า​ 250,000 โลก็ยังใช้ได้ดีจนถึงวันนี้​ ไม่เคยมีปัญหาเรื่องเกียร์​ อะหลั่ยบางชิ้นก็เปลี่ยนไปตามอายุการใช้งาน​ ไม่เคยมีปัญหาใหญ่ครับ

2.อยากได้รถขับสนุก Handling ดี
อันนี้ต้องยอมเค้าเลยเรื่อง​ Handling ผมว่าสูสีกับ​ Focus​ เพราะก่อนซื้อก็ไปลอง​ Focus​ มาเหมือนกัน​ แต่เลือก​ xv​ เพราะห้องโดยสารที่นั่งสบายกว่า​ แต่เรื่องขับสนุก​ผมว่า​ Focus​ ปรู้ดปร้่าดกว่าเพราะ​ xv​ เป็น​ cvt​ ก็แล้วแต่นิสัยการขับของท่านครับ​ ถ้าชอบออกเอี๊ยดทุกไฟแดงอาจจะไม่ค่อยถูกใจนัก

3.ช่วงล่างเยี่ยม
ขอตอบสั้นๆว่าช่วงล่างดีที่สุดในคลาสเดียวกันเท่าที่เคยลองมา​ เข้าโค้งไม่เคยมีอาการเหวอ​ แต่​ Focus​ ก็ไม่แพ้กันครับ​ สำหรับผมให้คะแนนพอกันครับ

4.ใช้คนเดียวใน กทม สาทร สีลม ลาดพร้าว ทั่วๆไป อาจมีออก ตจว ลำปาง เชียงใหม่ ปีละ 2-3 ครั้ง
ส่วนใหญ่ผมใช้คนเดียวเหมือนกัน​ วิ่งเลียบด่วนเอกมัย​ รามอินทรา​ รัชดา​ พระรามเก้า​ ออกไซต์งานต่างจังหวัดเดือนนึง​ 2-3 ครั้ง​ อัตราสิ้นเปลืองในเมืองล้วนๆได้ดีที่สุดคือประมาณ​ 9 โลลิตร​ แย่สุด​ 7.5 โลลิตร ออกต่างจังหวัดขับแบบปกติไม่ได้เค้นมากและไม่ได้ค่อยๆไต่ระดับรอบเครื่อง​ วิ่งเฉลี่ย​ 100-130 ทำได้ดีสุดประมาณ​ 13 โลลิตรครับ.... ส่วนใหญ่เติม​ Sohol​ 95 สลับ​ E20 บ้างบางคราว

หวังว่าพอเป็นข้อมูลได้บ้างครับ.... แต่ถ้า​ Focus​ ออก​ 1.5 ecoboost​ จริงๆ​  เป็นผมเองก็อาจมีเป๋เช่นกัน​ เพราะฉะนั้นออก​ xv​ ดีกว่าครับเพราะ​ Focus​ ใหม่มาจริงรึป่าวก็ยังมิอาจทราบได้ครับ

ขอบคุณครับ ความคิดเห็นมาเต็ม  ::D
ส่วนตัวแอบชอบ โฟกัสภายใน  ::D XV MC มาเดือนหน้า Focus MC มาปีหน้า เกียร์ใหม่ เครื่องใหม่
แต่ก็ชอบ XV AWD
เรื่องอัตราสิ้นเปลือง ทุกวันนี้ ขับญี่ปุ่น 1500 ก็ 7-8 Km/l ในเมือง  :ปาดเหงื่อ:
ส่วนตัว ยังไม่เคย ลองขับโฉมปัจจุบัน ทั้ง 2 คัน กลัวลองห้ามใจไม่ไหว
จะรอปีหน้า ลองขับ MC ทั้งคู่

เรื่องศูนย์บริการ ford ไม่กลัวครับ ตอนนี้ที่บ้านใช้ ford 2 คัน มา 5-6 ปีแล้ว

13
Minor Change น่าจะมีชัวร์ แต่Frontอย่าหวังครับ.....Kenwoodแน่นอน

โรงงาน มาเลเซีย มีเซอร์ไพรส์เสมอ....เอาง่ายๆ ช่วงล่างแพหน้าXVใช้ของแมวนะครับไม่ได้ใช้ของXVเหมือนโรงงานญี่ปุ่น(แรคไฮดรอลิค ไม่ใช่ไฟฟ้า)

อ้าวเพิ่งรู้ว่า Impreza เวลาเปลี่ยน Gen เช่น แมว GH ไป GP นี่ไม่ใหม่หมดจดหรอครับ เอาตัวเดิมมาพัฒนาต่อยอดหรือครับ
แบบนี้ XV ที่เป็นตัวถัง GP ยกสูง ก็ได้ช่วงล่างแมว GH ผมเข้าใจถูกต้องใหม่ครับ หรือว่าเฉพาะตลาดแถบๆ บ้านเรา

14
Sport ตัวนี้ผลิต 2015 ได้ Front Kenwood ใหม่ด้วย
0 % 48 เดือนด้วยนะตัวนี้

15
นี่คือหน้าตาตัว MC นะครับ
http://www.subaru.jp/xv/xv/

อย่างที่ทราบกัน XV คือ Impreza ยกสูง
XV ปัจจุบัน MC ควรจะมา ภายใน 2016 แต่ !!! ตลาด ตปท New Impreza มาแล้วเหมือนกันในปี 2016
ส่วนตัวไม่หวัง New XV ขอแค่ XV ปัจจุบัน MC  ก็พอ

จุดแตกต่าง XV vs XV MC มีเล็กน้อย เช่น ครอบไฟตัดหมอก front เครื่องเสียง เสาอากาศ เป็นต้น
แต่พวกนี้ผมไม่ซีเรียส ผมแคร์ ตรงปรับปรุงระบบช่วงล่าง ระบบขับเคลื่อน ระบบเกียร์ มากกว่า ในคลับมีปัญหาเหล่านี้เล็กๆน้อยกันใช่ไหมครับ

ส่วนตัวผมไม่คิดว่า XV MC จะมาราคาเดียว คล้ายๆ 1.35 m ตอนใหม่ๆ
เพราะตอนนี้ในตลาดมีคู่แข่งเยอะ ทั้ง HRV, Xtrail, Juke, Eco sport ลามไปถึง CRV, Captiva และเหล่า PPV
ส่วนตัวทราบครับ ว่า XV เป็นรถคนละประเภท กับที่กล่า่วมาด้านบน และ XV มีจุดแข็งของตัวเอง
แต่ถ้าผมเป็นการตลาดของ Motor image ผมกคงอดคิดแทนลูกค้าไม่ได้ เพราะในมุมมอง ของลูกค้าบางคน ต้องจับ XV ไปชน ไปเปรียบเทียบ กับ กลุ่มรถดังกล่าวด้านบน

ดังนั้นผมเชื่อว่า ตันจง คงยังต้องซอยรุ่นย่อย ในตัว MC แน่ๆ แต่ราคาเริ่มต้นคงไม่ 998,000 บาท แล้ว

รอดู 2016 แระกัน ไม่ก็ Motor Expo หรือสุดท้ายผมคิดผิด......และพลาดที่ไม่รีบสอยตัวปัจจุบัน  :runrun:
(คิดในแง่ดี ถ้าะพลาด ก็ยังมี Focus MKlll MC)

หน้า: [1] 2