แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - hellvy

หน้า: [1]
1
แหล่งข่าว: AmarinTV

เกิดเหตุพนักงานโรงแรมจอดรถยนต์หรูเสียบใต้รถยนต์อีกคัน จนทำให้พนักงานคนดังกล่าวติดอยู่ภายในรถ และเจ้าหน้าที่ต้องใช้เครื่องมือนำร่างพนักงานจอดรถรายนี้ออกมา

พนักงานของโรงแรมไฮแอต รีเจนซี่ ในนครซิดนี่ย์ของออสเตรเลีย ได้นำรถยนต์ปอร์เช่ของแขกในโรงแรมไปจอด แต่เกิดพลาดชนท้ายของรถยนต์อีกคันที่จอดอยู่ และทำให้รถเปอร์เช่เสียบใต้รถอีกคัน และถูกทับอยู่ใต้รถคันดังกล่าว ทำให้ตัวของพนักงานรายนี้ติดอยู่ภายในรถ

โชคดีที่มีคนโทรแจ้งตำรวจให้เข้าช่วยเหลือ โดยเจ้าหน้าที่ก็ต้องเครื่องมือในการงัดร่างพนักงานจอดรถรายนี้ออกมาได้ในที่สุด และลากรถออกมา

ซึ่งพนักงานจอดรถไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสแต่อย่างใด ขณะที่ตำรวจก็กำลังสอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

 :)) :)) :))

2
- ค้ำโช้คหน้า STI (E4010FJ002) นี่เล็งมานานแล้ว แต่สู้ราคาเต็มไม่ไหว มาได้จังหวะตอนลดราคาอะไหล่ 20% ช่วงเดือนเมษาที่ค้ำโช้คหน้า STI เค้าก็ลดด้วย เลยกัดฟันจัดมา ถ้าใครอยากรู้ว่าข้างในโลโก้ sti เป็นยังไงก็ลองแวะไปดูได้ที่นี่นะจ๊ะ

ft86club.com: DIY || STi strut bar install onto BRZ (applicable to FRS)

- เหล็กกันโคลงหลังของ XV บ้านเราเป็นขนาด 16mm สำหรับคนที่ต้องการเปลี่ยนให้ใหญ่ขึ้น เท่าที่อ่านๆ มา ก็มี 3 ตัวเลือกคือ (กันโคลง+บูชยาง x 2)

18mm XV Hybrid package:
20451fg010
20464fg010 x2

19mm Forester XT package:
20451fg020
20464fg020 x2

20mm STI package:
20451va000
20464va000 x2


เราเลือกตัวเลือกที่ 3 (20mm STI packag) เพราะราคาถูกที่สุด แถมมีชื่อ STI ห้อยท้ายให้ความรู้สึกขลังกว่าอันอื่น และเท่าที่อ่านๆ มา ส่วนใหญ่ให้ความเห็นว่าเป็น part ที่ดี ราคาไม่แพง

ถ้าถามเราว่าใส่ค้ำโช้คหน้าทำไม เปลี่ยนกันโคลงให้ใหญ่ขึ้นเพื่ออะไร ก็ตอบได้เลยว่า หึๆ ไม่รู้หรอกจ้า อ่านที่กูรูทั้งหลายเขียนไว้เท่าไหร่ก็ยังไม่เข้าใจ แต่โดยความรู้สึกคือเวลาเข้าโค้งหนักๆ ไม่ต้องเกร็งตัวไม่ให้หลุดจากเบาะแล้ว เวลาเปลี่ยนเลนก็รู้สึกว่าไปพร้อมกันทั้งคัน ไม่ใช่ช่วงล่างไปก่อนแล้วตัวถังค่อยตามไปอะไรแบบนั้น เรียกว่าเป็นความรู้สึกที่เราคิดว่ามันควรจะเป็นตั้งแต่แรกแล้ว

ส่วนผู้โดยสารจะรู้สึกกระด้างขึ้นหรือเปล่า คิดว่าน่าจะรู้สึกบ้าง แต่ปกติถ้ามีผู้โดยสารก็จะขับช้ากว่าขับคนเดียวอยู่พอสมควร ก็คงไม่ค่อยรู้สึกเท่าไหร่ สรุปคือใส่แล้วพอใจมากจ้า

- ส่วนคานกันกระแทกหลัง อันนี้ก็สืบเนื่องจากอุบัติเหตุเมื่อปลายปี 59 ก็เลยหามาใส่ part no. คือ 57711FJ0229P บวกกับน็อตอีก 1 ตัว พอใส่ก็เจอปัญหาคือติดเซ็นเซอร์ถอยหลัง ก็แก้ปัญหาโดยเลื่อยคานกันกระแทกส่วนที่เป็นขอบด้านบนแล้วพับหลบเซ็นเซอร์ไปหน่อยก็ติดตั้งได้ กลับถึงบ้านก็มุดไปพ่นสีรองพื้นกันสนิมไว้หน่อย

เรื่องคานกันกระแทกนี่ก็มีความเห็นกันหลากหลาย บ้างก็ว่าดี ช่วยลดความเสียหายของห้องเก็บสัมภาระ บ้างก็ว่าทำให้โครงสร้างรถเบี้ยวตามกันเวลาโดนชน ส่วนตัวเองคิดแบบนี้ว่า

ถ้าโดนชนเบาแบบไม่ถึงเนื้อเหล็ก กันชนท้ายจะเสียหายมากกว่าไม่ติดคานกันกระแทก คือแทนที่จะแค่บุบก็น่าจะแตกเลย

ถ้าโดนชนปานกลาง น่าจะช่วยลดความเสียหายได้

ถ้าโดนชนหนัก คิดว่าคานอันนี้ไม่ช่วยอะไร แต่ไม่น่าจะทำให้โครงสร้างรถเสียหายมากขึ้น เพราะดูความแข็งแรงของคานอันนี้กับแชสซีรถแล้วต่างกันมาก แต่ถ้าเป็นคานกันกระแทกที่ทำเองแบบที่ใช้เหล็กหนาๆ อันนั้นน่าจะมีส่วน

ส่วนตัวที่เคยโดนชนท้ายมาแล้ว คิดว่ามีเอาไว้ดีกว่า  :น่วม:

จบแล้วจ้า   :P

3
เหตุเกิดเมื่อปลายปีที่แล้ว (2559) รถวิ่งตามกันมาเรื่อยๆ แล้วค่อยๆ ชลอตัวจนหยุด เราเบรคทัน คันหลังเบรคไม่ทันชนท้ายเราเด้งไปชนคันหน้า โชคดีที่ไม่มีใครเป็นอะไรมาก ก็เรียกประกัน ประกันวิริยะของเราใช้เวลาไม่นานก็มาถึง แต่ของคู่กรณีนี่มาไม่ทันที่เกิดเหตุ ไปเจอกันที่สน. โน่นแน่ะ (ลงบันทึกประจำวัน คู่กรณีเสียค่าปรับฐานขับรถประมาท)

รถคันหลังแอร์แบ็คทำงาน ต้องใช้บริการรถยกเลยทีเดียว ยังดีรถเรายังขับได้ แต่เหมือนเสียงเครื่องยนต์จะดังกว่าปกติ เท่าที่เห็นนอกจากกันชนเสียหายก็มีท่อไอเสียบุบ

เอารถไปเข้าอู่ไทยรัตน์ยานยนต์ สาขา 2 ตอนต้นปีนี้ (2560) พี่ช่างตรวจสอบรถดูละเอียดดี พี่ก็จับรถขึ้นแท่นดึงๆ อะไรนิดหน่อย แล้วบอกว่าท่อไอเสียโดนดันไปติดกับตัวถังเลยมีเสียงดัง เช็คเสร็จสรรพก็แจ้งว่ารออะไหล่ 3 สัปดาห์ ส่วนรถเอาไปใช้ก่อนได้ หลังจากพี่ช่างแก้เรื่องเสียงให้ก็เรียกว่ารถขับได้แทบเป็นปกติเลยทีเดียว พอ 3 สัปดาห์เป๊งอู่ก็โทรให้เอารถเข้าไปทำ แจ้งว่าใช้เวลา 2 สัปดาห์ พอ 2 สัปดาห์เป๊งอู่ก็โทรให้มารับรถ โดยรวมงานเรียบร้อยดี เรื่องงานประกอบคงจะให้เป๊ะเหมือนจากโรงงานคงไม่ได้ ดูมั่นคงแน่นหนาก็โอเคแล้ว เรื่องการขับขี่โดยความรู้สึกคือเหมือนเดิม ก็โล่งใจไป

เรื่องงานประกอบมีปัญหาทนดูไม่ได้อยู่อย่างนึงตรงคิ้วซุ้มล้อสีดำ 2 ชิ้นไม่สนิทกับตัวถัง พี่ที่ศูนย์ฯ ซุบารุแนะนำให้ใช้กาวร้อนติด เราดูทรงแล้วคิดว่าไม่น่าจะติดอยู่ได้นาน เลยเลือกวิธีเอาซิลิโคนดำมาเติมๆ ตรงช่องว่างแทน โดยรวมก็พอใจกับวิธีนี้ ถ้าไม่เข้ามาส่องใกล้ๆ ก็คงดูไม่ออก

สุดท้ายเรื่องเคลือบแก้ว ทางร้านฯ เค้ามีประกันเคลือบชิ้นส่วนใหม่ให้ฟรี 2 ชิ้น ปัญหาคือไม่รู่ว่าส่วนไหนของรถที่เปลี่ยนหรือทำสีใหม่บ้าง สุดท้ายก็เลยไมได้ทำ ก็เป็นเติมน้ำยาเคลือบแก้วทุกๆ 3 เดือนเหมือนเดิม (ตอนนั้นก็งงๆ ก๊งๆ ที่จริงน่าให้พี่แกเคลือบกันชนหน้า-หลังไปเลย เพราะเปลี่ยนใหม่แน่ๆ)

จบแล้วจ้า  :P

4
เนื่องจากวันนี้ (28/2/2560) ได้แวะไปที่ศูนย์บริการซูบารุแห่งหนึ่งแถวๆ นนทบุรี แล้วไปป๊ะกับป้ายอันนี้เข้า เลยไปถามถึงค้ำโช้คหน้า STI ว่าร่วมรายการด้วยหรือเปล่า เพราะเห็นบางงานพี่ท่านไม่ได้ร่วมลดด้วย ปรากฏว่าคราวนี้ร่วมลด 20% ด้วยจ้า   :-[

ท่านใดที่สนใจสิ่งนี้อยู่หรือสินค้าอื่นๆ ก็ลองแวะเวียนไปสอบถามที่ศูนย์บริการใกล้บ้านกันดูได้นะจ๊ะ  :-*

5
ไปอ่านเจอมาใน subaruxvforum.com เลยตามไปดู แหม่... ทำไปได้  :หมั่นไส้:

คลิกที่รูปเพื่อดูรูปขนาดใหญ่จ้า

6
ผมก็เป็นคนหนึ่งที่อยากได้จอ MFD (Multi Function Display) กับเขาบ้าง เรียกว่าอยากได้ก่อนจะได้รถมาเสียอีก ก็เฝ้าเพียรเกาะแข้งเกาะขาสมาชิกที่โพสท์รูปจอ MFD ในเว็บนี้ว่าขอผมมั่งๆ ซึ่งก็ได้รับคำแนะนำเป็นอย่างดี ตอนแรกก็จะให้ท่านสมาชิกในเว็บเป็นธุระจัดการให้ แต่ด้วยอะไรหลายๆ อย่างเช่น เวลาไม่ตรงเอย งบฯ ลับไม่พอเอย สุดท้ายก็เลยได้ทำเอง เท่าที่ใช้มาก็น่าจะโอเค ก็เลยมาเล่าสู่กันฟัง

ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณสมาชิกผู้เอื้อเฟื้อข้อมูล คือคุณ XV_GP7 และคุณ Aodmini ไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยนะครับ โดยเฉพาะคุณ XV_GP7 นั้นเป็นแรงบันดาลใจอย่างมากทีเดียว

และต้องขอขอบคุณ ผบทบ. และนายจ้างที่อนุมัติเวลาให้เราได้ทำโครงการนี้ไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะจ๊ะ

ผมได้จอของ WRX STI 2015 (Part no. 85261VA011) มา มีสิ่งที่ใช้งานไม่ได้เท่าที่รู้ดังนี้ (คลิกเพื่อดูรูปขนาดใหญ่)

1. หน้าจอ Boost pressure เข็มขยับ แต่ไม่รู้ขยับตามค่าอะไร ถ้าเป็น Turbo Boost จริงป่านนี้คงวิ่งไปถึงดวงจันทร์แล้วกลับมาบ้านแล้ว
Update 20/12/2558: คุณ leenawat_sri ให้ข้อมูลเพิ่มเติมไว้ที่นี่ครับ

http://www.subaruxvthailand.com/forum/index.php?topic=1654.msg13002#msg13002

อ้างถึง
2.บูสที่วัดได้ จิงๆเป็นค่า vaccum ครับ ตอนมันติดลบถึงมีบูสคับ จะเจอตอนถอนคันเร่ง



2. เมนู Car Setting  ตั้งค่าอะไรไม่ได้เลยจ้า


ส่วนตัวหนังสือ PASSENGER AIR BAG สีส้มนั้นติดตลอด ไม่แน่ใจว่าผิดปกติหรือเปล่า แต่คิดว่าไม่ เพราะเห็นบางคนก็เป็นเหมือนกัน อย่างคนนี้

https://www.drive2.ru/l/6108890/

ก็ประมาณนี้ครับ

หาของ
ของที่เราต้องซื้อหามาหลักๆ คือจอ MFD กับสวิทช์จอที่ติดอยู่ข้างพวงมาลัย แต่อุปกรณ์หลักจริงๆ ที่ต้องหามาคือจออย่างเดียว ส่วนสวิทช์นั้นเราสามารถทำเองได้ ถ้าเอาแค่ใช้งานได้ไม่แคร์สื่อ ค่าอุปกรณ์ก็อยู่ที่ประมาณ 50 บาท

1. จอ MFD
ผมได้มาจาก ebay ราคาก็เกือบหมื่น ท่านใดสนใจลองค้นหาด้วยคีย์เวิร์ด "SUBARU DASH MULTI DISPLAY SCREEN" ดูได้จ้ะ (ติ๊กเครื่องหมายถูกตรง used ด้วยก็ได้ และถ้าอยากดูรายการที่ขายไปแล้วด้วย ก็กดคำว่า  see all ที่อยู่ข้างๆ Show Only แล้วเลือก Sold Listings)


สิ่งที่วิตกในการเลือกจอกันมากคือหน่วยที่ MFD ใช้ เช่นอุณหภูมิ (C/F), ระยะทาง (Mile/km), อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง (MPG/ 1/100 km) เพราะถ้าไม่ตรงกับบ้านเราอาจจะใช้งานไม่ได้เลย จึงเป็นที่มาของการถามหา Part No. กันมากมาย แต่ปัญหาคือ Part No. ของจอ MFD นั้นหลากหลายมาก ถีงแม้จะเป็นสินค้าตัวเดียวกันก็ตาม ทำให้การตามหาด้วย Part No. นั้นค่อนข้างยาก ผมเองก่อนซื้อก็ถามไปทางคนขายแล้วว่าหน่วยที่จอ MFD ใช้คืออะไร แต่ก็ไม่มีคำตอบกลับมา สุดท้ายก็เสี่ยงสั่งมาเพราะ Part No. มันใกล้เคียงกับของเว็บข้างบนซึ่งหน่วยอุณภูมิเค้าเป็น C แค่นั้นแหละ

คำแนะนำในการหาจอ MFD เบื้องต้นคือ พยายามหาจากโซนที่เค้าใช้หน่วยเดียวกับเรา เช่น ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย แต่ส่วนตัวแล้วผมยังสงสัยว่าหน่วยที่จอ MFD ใช้นั้นมันถูกตั้งอยู่ในจอ MFD หรือว่ามันดึงค่านั้นมาจากส่วนอื่นของรถเรากันแน่ เรื่องโซนอาจเป็นเรื่องของภาษาเมนูที่ต่างกันแค่นั้นหรือเปล่า ซึ่งถ้าเป็นอย่างหลังเราก็ไม่ต้องกังวลเรื่องหน่วยกัน แต่ผมคงไม่สามารถพิสูจน์สมมุติฐานนี้ได้ เพราะจอของผมเองเป็นของโซนไหนผมยังไม่รู้เลย -_-' ก็พยายามเลือกหาตามโซนก่อนนะครับ หรือถ้าท่านใดลองซื้อโซนอื่นมาแล้วเป็นอย่างไรก็มาเล่าให้ฟังกันบ้าง และจอ MFD แต่ละรุ่นอาจมีความแตกต่างกันบ้างเช่น จำนวนไฟเตือนเซฟตี้เบลท์, ไฟเตือนแอร์แบ็ค, สีสันของกราฟิค, ระบบไฮบริด เป็นต้น

Update 20/12/2558: คุณ leenawat_sri ให้ข้อมูลเพิ่มเติมไว้ที่นี่ครับ

http://www.subaruxvthailand.com/forum/index.php?topic=1654.msg13002#msg13002

อ้างถึง
4.เรื่อง zone เลข พวงซ้ายขวา องศาฟาเรนไฮ ถ้าไม่ใช่จอ mfd ของ  fb20 ไม่ต้องห่วง มันจะปรับตามรอมโซนประเทศในไมล์คับ

อีกอย่างคือถ้าได้จอที่มาพร้อมกับคอนเน็คเนอร์ด้านหลัง (i122 กับ i240) ด้วยก็จะดีมาก ถ้าไม่มีเราก็เหนื่อยขึ้นอีกหน่อย

2. สวิทช์ MFD (Steering Switch)
ผมได้มาจาก auction ของยาฮูเจแปน (ฝากคนอื่นสั่งให้) เป็นพวงมาลัยของ WRX S4 2015


ได้มาในราคาหมื่นต้นๆ ช่วงที่หานี่ไม่มีใครขายสวิทช์เปล่าๆ เลย แต่ใจจริงก็อยากได้พวงมาลัยของ WRX อยู่แล้วก็เลยไม่ได้อะไร ถ้าท่านใดจะซื้อเฉพาะสวิทช์ก็แนะนำให้เลือกให้ตรงกับรุ่นของ MFD ว่าเป็นของรถรุ่นอะไรเพื่อความมั่นใจ เนื่องจากผมดูใน Service Manual แล้วตัวสวิทช์ที่พวงมาลัยของ XV กับ WRX มันมีค่าทางไฟฟ้าต่างกัน (แต่ผมคิดว่ามันน่าจะใช้กันได้นะ) อีกต่างหาก ท่านใดสนใจลองค้นหาใน ebay ด้วยคีย์เวิร์ด "wrx 2015 steering wheel" ดูได้จ้ะ


Part No. ไม่ทราบนะครับ ลืมดูไปสนิทเลย

เรื่องการหาของนี่ผมก็ไม่เชี่ยวชาญ ราคาของที่ผมหาได้ก็คงไม่ใช่ราคาที่ดีที่สุด ก็ใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงนะครับ ท่านใดมีแหล่งหรือวิธีหาของจะแนะนำเพื่อเป็นประโยชน์กับสมาชิกท่านอื่นๆ ก็ยินดีนะจ๊ะ

3. กล้องถอยหลังระบบ NTSC
ถ้าเราเอาภาพกล้องหลังระบบ PAL ขึ้นจอ MFD ภาพที่ได้จะเป็นขาวดำ ถ้าต้องการภาพสีก็ต้องเปลี่ยนกล้องเป็นระบบ NTSC จ้ะ

ส่วนของอย่างอื่นก็อุปกรณ์ diy ทั่วๆ นะครับ เช่น ชุดแกะคอนโซล, มีด, คีม, ปืนกาวแท่งเล็ก,  มัลติมิเตอร์, อุปกรณ์บัดกรี ฯลฯ

ต่อยังไง?
อันนี้เป็นแผนผังการต่อของผม


คร่าวๆ ก็คือเดินสายไฟ 6 เส้น (หรือ 4 เส้นถ้าไม่เอาภาพกล้องหลังขึ้นจอ MFD) ไปยังคอนเน็คเตอร์จุดต่างๆ ในภาพ แค่ภาพนี้ภาพเดียวก็น่าจะเพียงพอสำหรับนัก diy หลายๆ ท่านแล้ว ท่านใดที่ยังไม่รู้ว่าจะเดินยังไงก็ลองอ่านวิธีของผมไปเรื่อยๆ ก่อนก็ได้ครับ ส่วนการติดตั้งสวิทช์ที่พวงมาลัยก็ไม่ค่อยยาก แต่จะไปลุ้นที่การถอดแอร์แบ็คเสียมากกว่า

และเนื่องจากเป็นการ diy แบบบ้านๆ ของคนใช้รถแบบนู้บๆ คนหนึ่ง ภาพบางภาพหรือวิธีการบางอย่างอาจไม่เหมาะสม ท่านใดนำไปปฏิบัติตามอาจทำให้การรับประกันสินค้าหมดลง หรือเกิดความเสียหายแก่ทรัพย์สินและสุขภาพของท่านได้ ดังนั้นโปรดใช้วิจารณญาณในการรับชมด้วยนะจ๊ะ

และเนื่องจากมีการทำงานกับแอร์แบ็ค จึงขอย้ำเตือนในเรื่องการถอดขั้วแบตเตอรีก่อนจะทำการใดๆ ที่เกี่ยวกับแอร์แบ็คเพื่อความปลอดภัยด้วย


ในคู่มือแนะนำให้ถอดขั้วลบแบตเตอรีแล้วรอ 60 วินาทีก่อนจะถอดแอร์แบ็ค ผมนี่ให้ไปเลย 15 นาที ถอดขั้วแบตปุ๊บเหยียบแป้นเบรก 5-6 ที 15 นาทีผ่านไปกลับมาเหยียบอีกแล้วค่อยถอดแอร์แบ็ค

7
เนื่องจากจะเปลี่ยนลำโพงประตู ลองหาข้อมูลดูก็มักพูดกันประมาณว่า ไหนๆ ก็ต้องแกะประตูเปลี่ยนลำโพงแล้วก็แดมป์ประตูไปด้วยเลย จะได้ไม่เสียเที่ยว (แต่เสียเวลาค่อดๆ แทน) ก็ลองหาข้อมูลการแดมป์ประตู อ่านๆ ดูก็น่าสนใจ พอทำดูแล้วรู้สึกพอใจกับผลที่ได้ ก็เลยลามไปถึงแดมป์หลุมยางอะไหล่, พื้น, หลังคา และติดยางลดเสียง ทำจนเหนื่อยแล้วก็เลยมาเล่าสู่กันฟัง

วิธีการแดมป์
โดยทั่วไปจะเห็นการแดมป์แบบเต็มพื้นที่แบบที่ตามร้านเครื่องเสียงทำกัน แต่จากที่หาข้อมูลก็ได้ความว่า จริงๆ แล้วการแดมป์แค่ 25% ของพื้นที่ก็เห็นผลแล้ว โดยเน้นบริเวณพื้นที่เรียบๆ กว้างๆ และติดแผ่นบริเวณตรงกลางพื้นที่ อ่านแล้วมันช่างถูกจริตคนขี้เหนียวและขี้เกียจ เอ๊ย คนประหยัดและชอบอะไรง่ายๆ เสียจริงๆ ก็เลยใช้แบบหลังนี่แหละ

บางร้านก็ติดวิธีนี้นะ อย่างร้านในกระทู้นี้

http://www.thaimazdacx5club.com/index.php?topic=13906.0

แผ่นแดมป์
แบ่งง่ายๆ ตามวัตถุดิบ คือแอสฟัลท์ (asphalt) กับยางบิวทิล (butyl rubber) และความหนา ก็เลือกยางบิวทิลแบบไม่ต้องคิด

วัสดุซับเสียง
อย่างที่รู้กันว่าหน้าที่ของแผ่นแดมป์จริงๆ คือลดการสั่นของแผ่นเหล็ก ซึ่งเป็นต้นกำเนิดเสียงรบกวนชนิดหนึ่ง ส่วนการลดความดังของเสียงต้องใช้วัสดุซับเสียงช่วย วัสดุที่ว่าก็มี closed cell foam, mass loaded vinyl, jute pad ซึ่ง 2 แบบแรกผมไม่รู้จัก ไม่รู้จะหาซื้อที่ไหน แต่อย่างหลังนี่รู้จักก็คือพรมผ้านี่เอง หาซื้อได้ตามร้านทำเบาะรถยนต์ทั่วไป ราคาถูกด้วย นอกจากซับเสียงแล้วยังกันร้อนกันหนาวได้ด้วย แต่ข้อเสียคือไม่ถูกกับน้ำ ก็ต้องหาวิธีกันน้ำเอา

เนื่องจากค่อยๆ ทำไปทีละส่วนแล้วแต่โอกาสจะอำนวย ก็เลยพอจับความรู้สึกจากการแดมป์ส่วนต่างๆ ของรถเรียงเพิ่มไปเรื่อยๆ ได้ประมาณนี้

1. แดมป์ประตู+พรมผ้า
เห็นผลชัดเจน เสียงรถยนต์รอบข้างลดลงเยอะ เสียงถนนลดลงพอสมควร อยากจะเน้นในเรื่องของเสียงรอบข้างที่เคยแหลมบาดหู อย่างรถซิ่ง สิบล้อ บิ๊กไบค์บางคัน ซึ่งสร้างความหงุดหงิดระหว่างขับรถมาก เสียงพวกนี้นอกจากจะเบาลงแล้วยังทุ้มลงด้วย ซึ่งช่วยลดความหงุดหงิดระหว่างขับรถได้มากเลย ตอนทำเสร็จใหม่ๆ จะชอบเคาะประตู เวลาเปิดปิดประตูรู้สึกรถจะป๋าขึ้นมาก

2. แดมป์หลุมยางอะไหล่ + ซุ้มล้อหลัง + ประตูท้าย
ก็ไม่ค่อยรู้สึกถึงความแตกต่างเท่าไหร่ ตามที่คิดน่าจะช่วยลดเสียงถนนได้แต่ก็ไม่ค่อยรู้สึกชัดเจน

3. แดมป์หลังคา+ฉนวนกันร้อน
ตอนแรกกะจะติดฉนวนกันร้อนอย่างเดียว แต่พอลองเคาะๆ หลังคาแล้วมันก๊องแก๊งมากก็เลยแดมป์ไปด้วย หลังจากทำแล้วยังไม่เคยนั่งรถตอนฝนตกเลย แต่คิดว่าเสียงฝนคงทุ้มลงแต่คงดังใกล้ๆ ของเดิม เรื่องกันร้อนก็ไม่ได้หวังอะไรมากเพราะแดดบ้านเราเค้าแรงจริงอะไรจริง แค่ช่วยตอนจอดรถตากแดดแป๊บๆ กับช่วยให้แอร์เย็นเร็วขึ้นหน่อยก็โอเคแล้ว

4. แดมป์พื้น+พรมผ้า
จากความรู้สึกก็ไม่ค่อยช่วยเท่าไหร่ จริงๆ อันนี้นี่หวังว่าจะช่วยเรื่องเสียงถนนมาก แต่ไม่ได้ดั่งใจเลย จนคิดว่าทำอะไรผิดหรือเปล่า

5. ยางลดเสียง 3M Noise Sealing Tape
ช่วยลดเสียงลมได้ประมาณนึง จากความรู้สึกเมื่อก่อนคือวิ่งถึง 120 แล้วจะรู้ได้ทันทีจากเสียงลม  หลังจากติดแล้วเสียงลมที่ 120 จะดังพอได้ยิน ส่วนที่ 140 จะดังพอๆ กับ 120 ตอนก่อนติด แต่บางทีก็ดังใกล้ๆ เดิมนะ คงแล้วแต่สภาพแวดล้อมด้วย ส่วนเสียงรบกวนอื่นๆ ดังเท่าเดิม

6. บุพรมผ้าซุ้มล้อหน้า
ไปอ่านเจอมาก็เลยลองทำดู ก็ไม่ค่อยรู้สึกว่าลดเสียงถนนได้เท่าไหร่ ทั้งๆ ที่ดูแล้วมีความน่าจะเป็นที่จะลดได้สูงเหมือนกัน

7. ยางลดเสียง Wind Keeper
รู้สึกว่าลดเสียงลมได้ดีกว่า 3M นิดหน่อย Update 17/12/2558: ลดเสียงลมได้ดีกว่า 3M ชัดเจน ปิดประตูก็ง่ายกว่า เรียกว่าเสียงลมไม่ใช่เรื่องกวนใจที่ความเร็ว 120 อีกแล้ว

อ่านๆ ดูเหมือนที่ทำแล้วเห็นผลชัดๆ จะมีแค่แดมป์ประตูกับยางกันเสียงนะ อย่างอื่นมันก็คงช่วยได้บ้างแหละ แต่คงไม่ถึงกับที่เราหวังไว้ อีกอย่างหนึ่งคือประตูบานหนึ่งนั้นเกือบครึ่งหนึ่งเป็นกระจก ซึ่งเค้าว่าค่อนข้างจะบาง ก็อาจมีส่วนทำให้เสียงรบกวนเข้ามาได้มากหน่อย เห็นว่ารุ่นไมเนอร์เชนจ์มีแก้ไขส่วนนี้ด้วย เสียดายเสียงถนนที่ยังแก้ไม่หาย คงต้องลองหาวิธีกันต่อไปหรือไม่ก็ลองเปลี่ยนยาง แต่ไม่มีตังค์แล้ว

อนึ่ง ต้องขอขอบคุณ ผบทบ. และนายจ้างที่อนุมัติเวลาให้เราได้ทำโครงการนี้ไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะจ๊ะ แล้วจะขยันทำงานชดเชยให้จ้ะ จุ๊บๆ

ถ้าสนใจว่าผมทำอีท่าไหนถึงได้ผลแบบนี้ ก็ลองมาอ่านกันดูจ้า (คลิกที่รูปเพื่อดูภาพขนาดใหญ่)

อุปกรณ์
คร่าวๆ ก็ประมาณนี้จ๊ะ ผ้ากาวผมใช้เยอะมาก ถ้าซื้อก็แนะนำยกโหลมาเลย


แผ่นแดมป์ขนาด 100x60ซม หนา 2มิล หนักประมาณ 2กก. ผมซื้อของเจ้านี้

https://www.facebook.com/dB-DECIBEL-%E0%B9%81%E0%B8%9C%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%94%E0%B8%A1%E0%B8%9B%E0%B9%8C%E0%B8%A3%E0%B8%96%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B9%8C-1713833825506355/

ขายยกกล่อง 10 แผ่น ผมใช้ไปประมาณ 6 แผ่นได้


พรมผ้า สูง 1.5 เมตร ผมซื้อมา 5 เมตร ใช้เหลือประมาณเกือบ 2 เมตร
แผ่นพลาสติก ใช้ทำแบบกับหุ้มพรมผ้ากันน้ำ มีแบบใสกับขุ่น แบบใสแพงกว่า เนื้อก็น่าจะดีกว่า แต่ผมเลือกแบบขุ่นเพราะมันดูเดิมๆ ดี สูง 2 เมตร 3.6 เมตร ใช้ยาวประมาณ 3-4 เมตรน่าจะได้


ลำโพงที่จะเปลี่ยน ก็ไม่ค่อยมีความรู้เรื่องพวกนี้ เลยเลือกชุดนี้ เซฟๆ นู้บๆ (สินค้ามือสอง)
OEM Speaker Upgrade Kit by Kicker for SUBARU Impreza & XV Crosstrek - H631SFJ000

8
DIY & FAQs / เปลี่ยนสีแก้มคอนโซลหน้า
« เมื่อ: December 12, 2015, 15:07:36 »
ไม่รู้ว่าเขาเรียกว่าอะไรจริงๆ ครับ :ปาดเหงื่อ: คืออันสีบรอนซ์ๆ ที่แปะอยู่ที่คอนโซลหน้ารถน่ะครับ (คลิกที่รูปเพื่อดูรูปขนาดใหญ่)




อุปกรณ์ที่ใช้แกะก็มี ชุดแกะคอนโซลรถยนต์, ไขควง ส่วนจะใช้วิธีพ่นสีหรือแรปสติกเกอร์ก็ตามสะดวกจ้า

เริ่มแกะด้านข้างออกก่อน


ฝั่งซ้ายใช้วิธีสอดนิ้วเข้าไปแล้วดันออกเบาๆ



ฝั่งขวาก็แกะแล้วไขน็อตเกลียวปล่อย 1 ตัว



ฝั่งนี้ชิ้นเล็กกว่า แต่แกะยากกว่าหน่อย



แรปดำด้าน ยับหน่อยๆ ไม่ต้องเลียนแบบก็ได้  :runrun:
   



ติดเข้าที่
   

   



จบแล้วจ้า

9
เนื่องจากไปอ่านเจอกระทู้นี้ เค้าเอาปลอกหนังหุ้มคันเกียร์ของ Forester มาใส่กับ XV

www.subaruxvforum.com: CVT Leather Shift Boot



เห็นแล้วก็อยากทำมั่ง ก็เริ่มหาของ

ผมซื้อจาก http://subaruonlineparts.com/sop-parts เข้าเว็บแล้วกรอก part no. เข้าไป โดย part ที่เกี่ยวข้องคือ

BOOT ASSY - Subaru (35133SG000) White Stiching  (ปลอกหนังหุ้มคันเกียร์ ด้ายสีขาว)


หรือ

BOOT ASSY - Subaru (35133VA000) Red Stiching (ปลอกหนังหุ้มคันเกียร์ ด้ายสีแดง)


Shift Indicator ASSY Subaru Forester SJ Version RHS (35180SG000) <- แป้นบอกตำแหน่งเกียร์รุ่นพวงมาลัยขวา


CLAMP GRIP PIN - Subaru (35164FJ000) <- กิ๊บล็อกหัวเกียร์ ที่รถมีอยู่แล้ว ถ้ากลัวหายก็ซื้อมาเผื่อไว้

จริงๆ ที่เว็บเค้ามีจัดชุด BOOT ASSY + Shift Indicator ASSY ที่นี่

http://subaruonlineparts.com/subaru-forester-shift-boot-p-3067.html

แต่ๆ Shift Indicator ASSY ของเขาเป็นของรุ่นพวงมาลัยซ้าย (35180SG031) และเท่าที่ดูเขาไม่มีรุ่นพวงมาลัยขวา (35180SG000) ขาย อยากได้ต้องลองดูที่อื่น อย่างเช่นที่นี่

www.ebay.com: Shift Indicator ASSY Subaru Forester SJ Version 35180SG000

ถ้าซื้อครบเลยก็ง่าย ถอดๆ เปลี่ยนๆ ไม่นานก็สวยเสร็จ แต่สำหรับท่านที่ไม่อยากซื้อทุกชิ้น ก็สามารถซื้อเฉพาะปลอกหนังหุ้มคันเกียร์ได้ บวกความใจกล้าที่จะดัดแปลงแป้นบอกตำแหน่งเกียร์ ก็ประหยัดเงินไปได้โข ผมเองก็เลือกวิธีหลัง เงินน่ะมีนะ แต่ไม่อยากจ่าย (ขอตัวไปดูมาม่าที่ลวกไว้แพ้บ)

(จิ้มที่รูปเพื่อดูภาพขนาดใหญ่นะจ๊ะ)

*** เริ่มจากเข้าเกียร์ D ค้างไว้

ถอดขั้วลบแบตเตอรีออก

แกะชุดคอนโซลกลาง (มีคู่มือการแกะในไฟล์แนบ)

แกะเบรกมือ


ขันน็อตท้ายกล่องคอนโซลกลาง


ขันน็อตเกลียวปล่อย 1 ตัว ดึง คอนโซลกลางขึ้นตรงๆ ขยับไปทางด้านหลังนิดนึง, ดึงฝาปิดออก


ถอดคอนเน็คเตอร์ไฟ


แกะตัวล็อกหัวเกียร์, ถอดกิ๊บยึดหัวเกียร์


ดึงหัวเกียร์ออก ระวังเลอะจารบี


แล้วค่อยๆ แกะสลักยึดแป้นเกียร์ ก็จะได้แป้นเกียร์ออกมา


วัดขนาดขนาดที่จะเจาะ ที่เว็บต้นทางมีคนวัดขนาดไว้ให้แบบนี้


แนะนำให้หามาสกิ้งเทปมาติดรอบๆ แป้นเกียร์ไว้ โดยเฉพาะช่องบอกตำแหน่งเกียร์ เพราะเป็นรอยง่ายมากๆ


*** วัดขนาดให้ดีๆ นะจ๊ะ ควรจะตัดให้ขนาดเล็กกว่าแบบนิดหน่อย แล้วค่อยๆ ตะไบๆ ขัดๆ ออก และระวัง! อย่าวางปลอกหนังกลับหัวกลับหางเหมือนคนสะเพร่าบางคน เพราะกรอบโครเมี่ยมด้านบนกับด้านล่างขนาดไม่เท่ากัน ถ้าเจาะแป้นเกียร์ผิดด้านล่ะก็เรื่องยาว ว่าแล้วก็ขอเล่าเรื่องคนสะเพร่าแถวนี้ให้ฟังเป็นตัวอย่าง

ไม่ได้คิดจะวัดจะเทียบอะไรทั้งสิ้น คิดเองว่ามันต้องแบบนี้แหละ เจาะๆ ตะไบๆ ใส่ได้เรียบร้อย แรปสติกเกอร์ดำด้านสุดโปรดเรียบร้อย

เอาไปประกอบที่รถ กลับด้านครับท่าน!


ตายๆ ทำไงดี ลองถอดมาหันใส่อีกด้าน ด้านล่างก็เหลือรูตรงมุม ก็เลยใช้วิธีถอดหัวโครเมี่ยมด้านบนที่ใช้ล็อกกับหัวเกียร์มากลับด้าน ก็ใส่ได้นะ แต่ทรงปลอกหนังที่เกียร์ P มันตึงๆ แปลกๆ


แรกๆ ก็คิดว่ารับได้นะ แต่พอดูรูปปลอกเกียร์ปกติที่มันหย่อนๆ พองามมากๆ เข้าก็รับไม่ได้ เลยแกะมาแก้อีกรอบ คราวนี้รื้อส่วนฐานที่เป็นกรอบโครเมี่ยมออก มีสแตปเปิลตัวใหญ่อยู่ 4-5 ตัว แกะออกมา หมุนกรอบโครเมี่ยม เย็บสแตปเปิลเข้าที่ (หันหัวล็อกด้านบนอีกรอบด้วย)


แล้วก็แอบติดฟิล์มกันรอยตรงช่องบอกตำแหน่งเกียร์


ไม่ค่อยเรียบร้อยเท่าไหร่ แต่น่าจะดีกว่าปล่อยให้เป็นรอยนะ เห็นเค้าว่าแป้นเกียร์ตรงรุ่นจะเป็นสี Piano Black ดำๆ เงาๆ เป็นรอยง่ายมากๆ ถ้าท่านใดซื้อมาใช้ก็แนะนำให้ติดฟิล์มกันรอยหน่อยนะจ๊ะ

ลองเล็งๆ ฐานโครเมี่ยมอีกที รู้สึกว่ามันไม่ค่อยสนิทกับแป้นเกียร์เท่าไหร่ เอาไม้บรรทัดทาบๆ ก็รู้สึกว่าแป้นเกียร์ผิวมันจะโค้งนิดๆ ก็เลยเอากาวติดช่วย ก็ดูดีขึ้น แต่ไม่รู้จะอยู่นานหรือเปล่า
      

เสร็จแล้วจ้า!
   

เดิม - ใหม่
   

หลังจากแก้ๆ แล้วก็ดูว่าใกล้เคียงของเดิมนะ เกือบซวยซะแล้ว เกิดแก้ไม่ได้ขึ้นมาคงต้องเสียตังค์ซื้อแป้นเกียร์ใหม่มาแทน ตังค์มีนะ แต่ไม่อยากจ่าย (ซดน้ำมาม่าแพ้บ) ติดแล้วรถก็ดูภูมิฐานขึ้น (แต่เจ้าของจนเหมือนเดิม) ส่วนตัวปลื้มกับแป้นเกียร์สีดำด้านมากเลยจ๊ะ

จบแล้วจ้า

10
DIY & FAQs / เปลี่ยนผ้าคลุมคอพวงมาลัย
« เมื่อ: October 14, 2015, 02:54:35 »
หลายท่านคงมีความรู้สึกเหมือนผมว่า ผ้าคลุมคอพวงมาลัยของเจ้า xv นั้น มันช่างบอบบางและปิดบังส่วนเครื่องจักรด้านหลังได้ไม่ดีเท่าไหร่

จิ้มที่รูปเพื่อดูรูปขนาดใหญ่จ้ะ

      

ก็เลยลองทำผ้าคลุมอันใหม่ให้

อุปกรณ์
- แผ่นหนังเทียม หรือวัสดุอื่นๆ ตามต้องการ ขนาดประมาณ 15x30 ซม.
- พลาสติกใส, กระดาษ หรือวัสดุอื่นๆ สำหรับทำแบบ
- ไขควงสั้น
- ปากกา
- กรรไกร

เริ่มจากปรับระดับพวงมาลัย โดยดึงออกให้สุด และกดให้ต่ำที่สุด จากนั้นถอดน็อดเกลียวปล่อยใต้กรอบเรือนไมล์จำนวน 2 ตัว แล้วใช้มือดึงกรอบออกตรงๆ



เอาพลาสติกใสมาทาบ แล้ววาดแบบที่ต้องการ ตัดแผ่นหนังเทียมตามแบบ ระวังแบบจะกลับด้านด้วย เพราะตำแหน่งหมุดยึด 2 ข้างไม่เท่ากัน

      

ลองใส่



ใส่กรอบเรือนไมล์ ปรับระดับพวงมาลัยเข้าที่

เสร็จแล้วจ้า

      

11
สวัสดีครับ ผมก็เป็นคนหนึ่งที่ไม่ค่อยปลื้มกับคุณภาพเสียงเพลงจากเครื่องเสียงเดิมๆ ของ XV เท่าไหร่ อยากทำให้มันดีขึ้นเหลือเกิน แต่ด้วยความรู้เรื่องเครื่องเสียงกับงบประมาณลับที่มีพอๆ กันคือเกือบติดลบ ก็เลยอยากได้วิธีที่ง่ายๆ ใช้ตังค์น้อยๆ เท่าที่อ่านๆ ดู เค้าว่าเปลี่ยนแค่ Tweeter ให้ดีหน่อยก็ให้เสียงที่ดีกว่าเดิมเยอะแล้ว อ่านไปอ่านมาก็เจอกระทู้นี้

subaruxvforum.com: $36 Tweeter retrofit! Stock connections!

อ่านๆ แล้วก็สนใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะใช้ Connector กับแป้นยึดเดิม ไม่ต้องแปลงหรือหาของเพิ่ม แต่ลำโพงเดิมต้องรื้อทิ้งเลย อันนี้ก็วิตกนิดหน่อยเพราะหมายความว่าทำแล้วถอยกลับไม่ได้นะจ๊ะ แต่ก็ตัดสินใจลุยต่อ ของที่เค้าใข้นี่ดีจริง/ถูกจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่ก็ลองๆ ตามเขาไปดู

(โปรดจิ้มที่รูปเพื่อดูภาพขนาดใหญ่)

เริ่มจากหาของ อย่างที่บอกไปแล้วว่าความรู้เรื่องเครื่องเสียงของผมนั้นเข้าขั้นติดลบ ก็เลยตามเค้าทุกอย่าง ตัว Tweeter Dayton Audio ND20FA-6 3/4" Neodymium Dome นี่สั่งจากร้านใน lazada

   


ส่วน Capacitor Dayton Audio DMPC-6.8 6.8uF 250V Polypropylene Audio Grade นี่หาในเมืองไทยไม่เจอ จะใช้ของที่สเปกใกล้ๆ กันแทนก็กลัว พอบวกลบราคาของในไทยกับสั่งจากเมืองนอกแล้วไม่หนีกันเท่าไหร่ ก็เลยสั่งจากเมืองนอกมา (ขออภัยที่ไม่ได้ถ่ายรูปไว้)



ส่วนอุปกรณ์อิ่นๆ ที่ผมใช้ก็มี

หัวแร้งแช่

ตะกัวบัดกรี

ที่ดูดตะกั่ว

ท่อหด

สายไฟ

ไขควงแบน/แฉก

กระดาษกาว

เทป 2 หน้า

ซิลิโคน หรือปืนยิงกาวแท่ง

กรรไกรจีน

สว่านไฟฟ้า+ดอกสว่านเจาะเหล็ก

ชุดแกะคอนโซลรถยนต์

มีดคัตเตอร์

คีม

แผ่นสังกะสี (สำหรับทำแป้นยึด Tweeter)


เริ่มจากแกะ Tweeter เดิม ตะแกรงที่ปิดเป็นพลาสติก ผมใช้ชุดแกะคอนโซลค่อยๆ แงะออกมาไม่ยาก ไขเกลียวปล่อยอีกข้างละ 2 ตัว




ตอนถอดก็ดูทิศทางหน่อยว่าสายเสียบตรงไหนยังไง




ออกมาแล้ว ถ่ายรูปตำแหน่งและทิศทางช่องเสียบ Connector ไว้เยอะๆ เอาไว้ใช้ตอนประกอบกลับ

   


ผมเปลี่ยน Capacitor ข้างหนึ่งก่อน แล้วเสียบลองฟังเทียบกับของเดิม ก็รู้สึกถึงความแตกต่างของเสียงอยู่ ก็เลยทำต่อ (Capacitor รุ่นนี้ไม่มีขั้ว ต่อด้านไหนก็ได้)




ค่อยๆ ถอดทีละชั้น เริ่มจาก Connector กับฐานยึด อันนี้เป็นกาวดำๆ กับน็อต ถอดไม่ยาก

      


ส่วนแม่เหล็กนี่ถอดยากหน่อย เพราะเป็นสลักเหล็ก ผมใช้ไขควงแบนค่อยๆ แงะออก พยายามไม่ให้แป้นยึดเสียรูปทรงมาก แต่ก็เสียนิดหน่อยอยู่ดี ใช้คีมค่อยๆ ดัดเข้าที่ให้ได้มากที่สุด




จากนั้นก็รื้อลำโพง พอรื้อเสร็จแล้วทำความสะอาดคราบกาวกับเศษลำโพงเดิมออกจากแป้นยึดให้เรียบร้อย (อันนี้ผมนึกได้ทีหลัง)

   


ต่อสายไฟ




ทำแป้นยึด Tweeter กับแป้นลำโพงเพราะ Tweeter ตัวเล็กกว่าเบ้าของแป้นลำโพง ผมใช้แผ่นสังกะสีบางๆ ที่เจอแถวๆ บ้าน ใช้กรรไกรจีนกับสว่านไฟฟ้า ค่อยๆ ตัด ค่อยๆ เจาะ




เชื่อมสายไฟ ระวังเรื่องขั้วบวกลบด้วย โดยสายเดิมสีขาวเป็นขั้วบวก สีดำเป็นขั้วลบ (ที่แป้นพลาสติกสีขาวมีสัญลักษณ์ติดอยู่) ส่วนที่ Tweeter ขั้วสีแดงเป็นขั้วบวก




ยึด Tweeter, แป้น Tweeter และแป้นลำโพง ผมใช้เทป 2 หน้า (ที่จริงควรติดเทปก่อนเชื่อมสายไฟจะง่ายกว่า อันนี้ผมนึกออกทีหลังอีกแล้ว)

   


ส่วน Capacitor, Connector และแป้น Connector จัดวางตำแหน่งและทิศทางของ Connector และแป้น Connector ให้ใกล้เคียงของเดิม จะได้เสียบ Connector ได้ง่ายๆ และพยายามวาง Capacitor ให้พอดี อย่าเบี้ยวหรือเอียง เพราะ Capacitor ตัวใหญ่ ถึงช่องใต้ลำโพงในรถจะมีที่เยอะ แต่ผมก็เกือบใส่ไม่ลงเพราะวาง Capacitor เอียงไปหน่อยนึง

ผมใช้ซิลิโคนทาติดกันเป็นชั้นๆ เข้ากับแป้นลำโพงตามเดิม เอากระดาษกาวพันทิ้งไว้ 1 คืน ถ้าใช้ปืนกาวแท่งจะใช้เวลาแป๊บเดียว แต่บังเอิญผมไม่มี แต่ซิลิโคนก็ดูติดแน่่นดีครับ (ขออภัยที่ไม่ได้ถ่ายรูปไว้)

ประกอบกลับที่เดิม




ลองฟังเสียง
ผมไม่ใช่พวกหูทองอะไรนะครับ ประเภทเพลงที่ฟังก็ปนๆ กันไป แล้วแต่เพลงไหนฮิต หลักๆ ก็เพลงป็อปนั่นแหละครับ

ที่วิทยุนั้น ผมปรับ Loudness เป็น Off และ Equalizer เป็น Flat

ความรู้สึกแรกเลยคือได้ยินเสียงมาจากด้านหน้า คือจาก Tweeter มากขึ้นมาก จากของเดิมนี่แทบไม่รู้สึกเลยว่าตรงคอนโซลมีลำโพงอยู่ เสียงแหลมชัดเจน เสียงนักร้อง, เสียงเครื่องสาย หรือเสียงฟรุ้งฟริ้งฟังแล้วรู้สึกดีกว่าเดิมเยอะ จากเดิมที่ฟังแล้วเสียงออกมัวๆ มึนๆ

ส่วนเสียงกลางกับเบสรู้สึกว่าไม่ค่อยเด่น โดยเฉพาะเบสนี่ผมลองฟังเพลง Dark Horse ของ Katy Perry เทียบกับ Tweeter เดิมแล้วรู้สึกเลยว่าเบสหายไปเยอะพอสมควร นี่ก็ฟังทุกวัน วันละประมาณ 2 ชม. มาเกือบ 2 เดือนแล้ว เสียงคงเป็นประมาณนี้ เข้าใจว่าคงเป็นเพราะเสียงแหลมมันดังและชัดขึ้นมาก ลำโพงเดิมก็เลยสู้ไม่ไหวประมาณนั้น

สรุปแล้วชอบครับ รู้สึกคุ้มตังค์และเวลา มีความสุขกับการฟังเพลงใน XV มากขึ้นกว่าเดิมมากครับ

จบแล้วจ้า ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านจ้า

หน้า: [1]